วันจันทร์

กินตามสูตรนี้หนึ่งสัปดาห์รับรองน้ำหนักลด ความอ้วนไม่มาแน่ๆ

หนึ่งสัปดาห์เป็นช่วงเวลานานพอที่คุณอาจลดน้ำหนักลงได้ถึงประมาณ 1.4 กิโลกรัม หากอยากดูผอมเพรียวลงกว่าที่คุณเป็นอยู่อย่างกะทันหัน ในช่วง 7 วันนี่ล่ะคุณยังพอมีเวลา

เมื่อคุณกินตามสูตรนี้เป๊ะตลอด หนึ่งสัปดาห์ น้ำหนักจะลดลงได้แน่ และเมื่อทำตามสูตรนี้ต่อไปก็จะลดน้ำหนักได้มากขึ้น
เริ่มที่มื้อเช้า : ซีเรียล 1 ถ้วยใส่นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย
เบรกช่วงเช้า : ผลไม้อะไรก็ได้ 1 ชิ้น
มื้อกลางวัน : สลัดผักออร์แกนิกกับเนื้อไก่ย่างปริมาณ 1 ถ้วย ราดด้วยน้ำสลัดใสหรือน้ำสลัดอิตาเลียน
ของว่างตอนบ่าย : ผลไม้ 2 ชิ้น
มื้อเย็น : เนื้อปลาอบหรือไก่ย่างขนาด 1 จานเสิร์ฟ กับผักนึ่ง และสลัดผักราดน้ำสลัดใสหรือน้ำสลัดอิตาเลียนเช่นกัน
  • Lisa
  • ขอขอบคุณ : Lisa ผู้สนับสนุนเนื้อหา

ลดน้ำหนัก ลดหุ่นให้สวยพลังไฟเบอร์


Dietary Fiber หรือเส้นใยอาหาร คือตัวช่วยสำคัญในการลดน้ำหนักเลยล่ะ เพราะมันช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย ลดระดับคอเลสเตอรอล เสริมสร้างการควบคุมน้ำหนักและคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งต้านการก่อตัวของมะเร็งและลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ เพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผล และทำให้เรามีสุขภาพดี มาลองกินอาหารที่มีไฟเบอร์ให้เป็นนิสัยกันดีกว่าค่ะ

อาหารที่มีไฟเบอร์ขั้นเทพ

           ผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล อะโวคาโด มะละกอ ส้ม แคนตาลูป ฝรั่ง มะม่วง กีวี กล้วย รวมทั้งเบอร์รี่บางชนิด เช่น สตรอวเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ (กำลังอินเทรนด์เชียว)

           ผัก ได้แก่ บร็อกโคลี่ แครอต ผิวมะเขือเทศ ผิวมันฝรั่ง ผักโขม และข้าวโพด

           ธัญพืช ได้แก่ ข้าวโอ๊ต คอร์นเฟล็ก ขนมปังโฮลวีท ขนมปังขาว (มีบ้างแต่น้อยกว่าโฮลวีท) พาสต้า มักกะโรนีโฮลวีต และตัวแม่เลยก็คือข้าวกล้องที่มีถึง 5.5 กรัม ซึ่งข้าวขาวก็มีไฟเบอร์แต่เทียบไม่ติด เพราะมีแค่ 2 กรัมเท่านั้น

           ถั่ว ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วลิสง อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เฮเซลนัต พิสตาชโอ เป็นต้น


อาหารเพื่อสุขภาพ


กินอย่างไรให้ได้ไฟเบอร์

           กินซีเรียล หากกินเป็นอาหารเช้าทุกวันได้ยิ่งดี และถ้าเป็นรสธรรมชาติ ไม่หวาน ก็จะดีมากเพราะมีใยอาหารถึง 4 กรัม ผสมผลไม้ เช่น กล้วย หรือมะละกอลงไปด้วยก็ได้

           กินโยเกิร์ตมิกซ์ตอนเช้าสัปดาห์ละครั้ง ผสมโยเกิร์ตเข้ากับซีเรียลและสตรอวเบอร์รี่ช่วยเพิ่มพูนไฟเบอร์ได้อย่างดี

           กินแครอตหรือเบบี้แครอตและบร็อกโคลี่เป็นของว่าง ช่วยเติมเต็มท้องว่างในยามบ่ายก็ได้ แถมยังได้ไฟเบอร์มากถึง 15 กรัม

           แครกเกอร์โฮลวีตทาเนยถั่ว ก็ช่วยเสริมสร้างใยอาหารเช่นกัน แทนที่จะกินขนมปังหรือคุกกี้

           เปลี่ยนของว่างติดรถ หรือโต๊ะทำงานเป็นพวกของขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เช่น ถั่วต่าง ๆ ลูกเกด หรือถั่วเคลือบช็อกโกแลตก็ยังได้

           แอปเปิ้ลคือขั้นเทพของไฟเบอร์ การกินแอปเปิ้ลวันละ 1-2 ผล ช่วยให้คุณแข็งแรงและห่างไกลหมอ นอกจากนี้ ในแอปเปิ้ลยังมีเพ็กตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มและการย่อยเป็นไปอย่างช้า ๆ คุณจะรู้สึกอิ่มท้องได้หลายชั่วโมงเชียวล่ะ

           ท่องคำว่า "Whole" ไว้ เมื่อพบอาหารที่ระบุข้างกล่อง ว่า Whole Wheat หรือ Whole Grain นั่นย่อมมีไฟเบอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อคุณ

           เติมถั่วแดงลงในสลัดด้วย แค่ครึ่งถ้วยก็ได้ไฟเบอร์ถึง 5 กรัมแล้ง

           ผักโขมก็เป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่มีไฟเบอร์ คุณอาจเสริมเส้นพาสต้าด้วยผักโขม เมื่อทำอาหารฝรั่งก็ได้

           และแน่นอนว่าสำหรับข้าวที่เรากินอยู่ทุกวัน เมื่อต้องหุงข้าวที่บ้าน ก็ลองเปลี่ยนมาหุงข้าวกล้องแทนสิค่ะ

          อาหาร ที่อุดมด้วยไฟเบอร์อาจไม่ใช่สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อถูกความหิวเข้า โจมตี แต่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเลือกรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีเลยล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
kapook.com

วันพุธ

หลากหลายคุณประโยชน์จากกะหล่ำปลีม่วง



กะหล่ำปลีม่วงที่มีสีสันสดใสชวนกิน ซึ่งมักพบบ่อยในจานสลัด หรืออาจกลายมาเป็นของประดับในอาหารจานอื่น แต่ใครจะรู้บ้างว่ากะหล่ำปลีสีสวยนี้จะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็น อย่างมาก

          เนื่องจากกะหล่ำปลีม่วงเป็นพืชที่มีใยอาหารสูงและล้วนอุดมไปด้วยสารอาหาร หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต โซเดียม และวิตามินซี นอกจากนี้การกินกะหล่ำปลีม่วงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่และโรคมะเร็งในช่องท้องได้ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นส่วน สำคัญที่ทำให้มีเม็ดเลือดแดงไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย

          อย่างไรก็ตามในแต่ละวันเราไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบมากเกิน 1-2 กิโลกรัม เพราะถ้ามีสาร Goitrogen จากกะหล่ำปลีสะสมในร่างกายมากเกินไป อาจส่งผลให้ต่อมไทรอยด์นำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อยลง แต่สารนี้จะหายไปเมื่อกะหล่ำปลีนั้นสุกแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ลดน้ำหนัก แต่น้ำหนักกลับเพิ่ม แก้ไขยังไงดี


ถ้าคุณกำลังไดเอ็ต คุณอาจมีเทคนิคลดแคลอรีมากมาย แต่หารู้ไม่ว่าวิธีลดน้ำหนักบางอย่างกลับกลายเป็นตัวเร่งให้น้ำหนักเพิ่มเร็วขึ้น ลองถามตัวเองสิ ว่าคุณน้ำหนักเพิ่มในกรณีเหล่านี้รึเปล่า? เรามีคำตอบและทางแก้มาให้ด้วย

1.กินน้อยกว่าแมวดม

          Truth : การ ลดแคลอรีจำนวนมากเหมือนจะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่มีโอกาสสูงที่น้ำหนักจะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ความจริงคือคุณไม่ควรลดเหลือต่ำกว่า 1,200-1,500 แคลอรีต่อวัน และหากคุณจำกัดอาหารมาก ๆ นานกว่าสองสัปดาห์ ระบบเผาผลาญของร่างกายจะช้าลง การอดอาหารเท่าเดิมจึงมีปริมาณน้ำหนักที่ลดน้อยลงเรื่อย ๆ นอกจากนี้ คุณอาจสูญเสียกล้ามเนื้อพร้อมกับไขมัน โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกาย

          Smart Move : ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักสัก 5 กิโลฯ (ประมาณ 10 ปอนด์) ก็ให้ใช้เวลาทั้งหมด 10 สัปดาห์ คุณจะมีโอกาสลดน้ำหนักได้อย่างถาวร โดยการลดครึ่งกิโลฯ ต่อสัปดาห์ คุณอาจจะลดแคลอรี 250 แคลอรีต่อวัน และออกกำลังกายอีก 250 แคลอรีต่อวันด้วย

2.กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะมันมีแคลอรีต่ำ

          Truth : คน เรามักจะประเมินแคลอรีจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพไม่ถูกความจริงคือ การที่อาหารนั้นดีต่อสุขภาพไม่ได้หมายความว่าคุณจะกินมากได้ เช่น ถั่วหยิบมือหนึ่งอาจมีพลังงานสูงถึง 200 แคลอรีหรือมากกว่า และหากไม่ลดอาหารอย่างอื่น มันอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดสักที

          Smart Move : นับแคลอรีทุกเม็ด เมื่อคุณเรียนรู้ว่าซีเรียลครึ่งถ้วยอาจมีแคลอรีสูงถึง 200 แคลอรี หรือน้ำส้มแก้วละ 220 แคลอรี คุณจะระมัดระวังในการกินเอง

3.ตอนกลางวันไม่หิว เลยมากินตอนเย็น

          Truth : การอด อาหารในช่วงวันเพื่อกินในมื้อเย็นจะทำให้ฮอร์โมนแห่งความหิว "เกรห์ลิน" ปั่นป่วน คุณจะหิวมากขึ้น และกินในปริมาณเท่าเดิมหรือมากกว่าการกินอาหารปกติสามมื้อ พอเช้าวันรุ่งขึ้น คุณจะไม่หิว แต่ก็จะท้องกิ่วอีกทีในตอนเย็นกลายเป็นวงจรอุบาทว์

          Smart Move : เริ่มมื้อเช้าที่ประมาณ 450 แคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณที่ควรจะทำให้คุณอิ่มจนถึงมื้อกลางวัน แต่อย่ากินมื้อใดมื้อหนึ่งห่างกันเกิน 5 ชั่วโมง แล้วปิดท้ายด้วยอาหารมื้อเย็นซึ่งควรจะน้อยกว่ามื้อเที่ยงครึ่งหนึ่ง


อาหารเพื่อสุขภาพ


4.คุณกินเยอะเพราะอาหารนั้น "ไขมันต่ำ" และ "ปราศจากน้ำตาล"

          Truth : การ ศึกษามากมายชี้ว่า เมื่ออาหารนั้นมีฉลากว่าไขมันต่ำ เรามักจะกินมากขึ้น โดยการทดลองจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์พบว่า เมื่อให้อาสาสมัครกิน M&M ที่มีฉลากว่า "ไขมันต่ำ" คนจะกินมากขึ้นถึง 28% จริง ๆ แล้ว "ไม่มีไขมัน" ไม่ได้หมายความว่าแคลอรีน้อยลง แต่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจกันไปเองแล้วกินมากขึ้น

          Smart Move : เช็กฉลากอาหาร และดูที่หน่วยบริโภคต่อแคลอรีให้ดี ในเทคนิคเดียวกันนี้ ต่อให้คุณกินอาหารไขมันเต็ม คุณก็สามารถลดน้ำหนักได้

5.คุณตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก แค่ชั่วประเดี๋ยว

          Truth : มี การประเมินว่า เพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จ และรักษาระดับนั้นไว้ได้มากกว่าหนึ่งปี นั่นเป็นเพราะเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย นิสัยการกินเก่า ๆ จะกลับมา คนที่จะลดน้ำหนักในระยะยาวได้จริง ๆ จะกินอาหารในปริมาณเท่าเดิมกับตอนลดน้ำหนัก

          Smart Move : คิดเสียว่าการกินเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่การ "ไดเอ็ต" ที่มีจุดเริ่มต้นและจุดจบกุญแจสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ๆ ที่คุณสามารถเปลี่ยนให้เป็นนิสัยในระยะยาว เช่น ถ้าคุณมักกินโอรีโอวันละซอง ลองเปลี่ยนเป็นวันละชิ้น แล้วค่อย ๆ เลิกเมื่อคุณสามารถทำได้แล้วก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป

Size Matters

          กระเพาะอาหารมีขนาดเท่า ๆ กับกำปั้นของเราเองนะ นั่นหมายความว่ามันต้องการแค่อาหารหยิบมือเดียว เพื่อให้อิ่ม ถ้าคุณกินแล้วรู้สึกท้องอืด เหนื่อย อ่อนเพลีย คุณก็กินมากเกินไปแล้วล่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
  kapook.com