วันจันทร์

ที่เมืองไทย...คุณก็เป็นสาว เกาหลีได้



ที่เมืองไทย...คุณก็เป็นสาวเกาหลีได้

ได้เวลาของสาวไทยที่หลงใหลเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีจะมาแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้า โดยเรามีวิธีการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีมาแนะนำถึง 2 แบบด้วยกัน
ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงไปได้ง่ายๆ สำหรับเกาหลีอินเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการคลั่งไคล้ซูเปอร์สตาร์จากแดนกิมจิ การเปลี่ยนรสนิยมไปชื่นชอบซีรีส์เกาหลี แฟชั่นการแต่งตัว แต่งหน้า ทำผมตามแบบหนุ่มสาวแดนโสม ล่าสุดเกิดธุรกิจความสวยความงามสไตล์เกาหลีเกิดขึ้น คือ สถาบันความงามเกาหลี DHB Korea Beauty Academy
คิมซูจุง ครูสอนแต่งหน้าชาวเกาหลีที่เชี่ยวชาญการแต่งหน้าในสไตล์เกาหลี กล่าวว่า เทรนด์การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีจะเน้นความสวยงามสดใสแบบธรรมชาติ หรือ Natural Make up ซึ่งเป็นเทรนด์ฮิตที่ได้รับความนิยมมากเพราะการแต่งหน้าสไตล์นี้ ทำให้ ผู้หญิงดูสดใส อ่อนเยาว์ จะว่าไปแล้วไม่ใช่เพียงแต่เกาหลีเท่านั้น การแต่งหน้าสไตล์นี้ ยังนิยมไปทั่วโลก

สำหรับประเทศเกาหลีนั้น เทรนด์การแต่งหน้าจะเปลี่ยนไปตามฤดูทั้ง 4 ฤดู เช่น ในฤดูใบไม้ผลิจะนิยมแต่งหน้าแบบเบาบางและใสๆ นิยมสีส้ม ชมพู ฤดูร้อนนิยมแต่งแบบ Pearl Make-up ซึ่งทำให้รู้สึกดูสดชื่น นิยมสีฟ้า ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะแต่งหน้าโดย ใช้สีน้ำตาล สีทอง สีขาว สีเทา เพื่อโชว์รูปตาที่ลึกลงไป แต่ตอนนี้เทรนด์เกาหลีที่กำลังนิยมอยู่คือ แต่งหน้าแบบ Natural Make up สไตล์สโมกกี้อาย เน้นดวงตา
ส่วนคนไทยไม่มีฤดูเหมือนประเทศเกาหลี ดังนั้นเราไม่จำเป็นที่จะตามแฟชั่นเหมือนของเกาหลี แต่อยากให้คนไทยเลือกแต่งหน้าตามรูปหน้าตา หรือสีผิวของตัวเองว่าเราเหมาะกับการแต่งหน้าแบบไหน และก็ประยุกต์การใช้สีที่หลายหลากดีกว่า
เมื่อลองเปรียบเทียบการแต่งหน้าของคนไทยและการแต่งหน้าของเกาหลีดูแล้ว ครูคิมได้พบว่า คนไทยส่วนมากมักจะไม่ค่อยแต่งหน้า หรือถ้าแต่งก็แต่งแบบเข้มจนเกินไป ทำให้ปกปิดใบหน้าที่สวยของคนไทยได้ แต่คนเกาหลีนั้น เมื่อแต่งหน้าสิ่งที่เขาคิดเป็นสิ่งแรกคือ การแต่งหน้าต้องทำให้เขาดูอ่อนวัยขึ้น ดังนั้นจะแต่งหน้าให้น้อยที่สุดและได้ผลตามที่ต้องการมากที่สุด
สิ่งที่ครูคิมฝากถึงสาวๆ คนไทยก็คือ “การเขียนคิ้วที่ดูหนาและเข้มและการปัดแก้มที่เข้มทำให้ดูมีอายุมากขึ้น ดังนั้นคนไทยถ้าเลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับคนไทยและมีวิธีการแต่งหน้าที่ถูกต้องจะทำให้คุณดูสวยขึ้นกว่าเดิมได้”
เอาล่ะ! ได้เวลาของสาวไทยที่หลงใหลเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีจะมาแต่งแต้มสีสันให้กับใบหน้า โดยเรามีวิธีการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีมาแนะนำถึง 2 แบบด้วยกัน
>



แต่งหน้าแบบธรรมชาติ (Natural Make-up)
จุดเด่น ของการแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ คือ การแต่งหน้าในแบบที่แต่งหน้าแล้วแต่ดูสวยใสราวกับไม่ได้แต่งหน้า ซ้ำยังสามารถ ปกปิดจุดด้อย และเสริมสร้างจุดเด่นบนใบหน้าให้สวยขึ้นได้อีก สังเกตได้จากสไตล์การแต่งหน้าของ “ชงเฮเคียว” นางเอกจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Full house” และ “ลียองเอ” นางเอกจากเรื่อง “แดจังกึม” ในละครและหนังของเกาหลี จะเห็นได้ว่านางเอกเหล่านี้ไม่ได้แต่งหน้ามาก แต่สามารถออกมาสวยและเป็นธรรมชาติมากๆ
ข้อควรระวัง ของการแต่งหน้าสไตล์นี้ คือ การแต่งหน้านั้นไม่ใช่การโชว์สีที่ใบหน้า แต่การแต่งหน้านั้นเพื่อทำให้เราสวยขึ้นและทำให้เราดูเด็กลง
== รองพื้น ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดสำหรับการแต่งหน้าสไตล์ไทยและการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี คือ การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ซึ่งการแต่งหน้าสไตล์ Natural Make-up นั้น การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าเราลงรองพื้นและเขียนคิ้วเสร็จแล้ว ถือได้ว่าเราแต่งหน้าเสร็จไปแล้ว 70%
การลงรองพื้นให้เลือกตามสีผิวของเราเอง (อย่าลงให้ขาวเว่อร์เกินสีผิวจริง) ต้องลงรองพื้นให้เบาบางที่สุด และใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดแค่ส่วนที่เราอยากจะปกปิดเท่านั้น เช่น สิว ฝ้า กระ รอยจุดด่างดำ แผลเป็น จะทำให้หน้าดูเบาบางกว่าการที่เราจะลงรองพื้นหนาๆ และให้กดเยอะๆ นานๆ เพื่อทำให้เครื่องสำอางอยู่ทนติดหน้าเราได้ทั้งวัน
== การเขียนคิ้ว แต่ละคนจะมีรูปคิ้วที่แตกต่างกัน คนเกาหลีนิยมเขียนคิ้วตามรูปคิ้วจริงๆ (จึงมองดูคิ้วหนา) ต่างจากคนไทยที่นิยมเขียนคิ้วแบบคันศร (เป็นเส้นเดียวยาวโค้ง) การเขียนคิ้วควรใช้ดินสอเขียนคิ้ว (Ebony Pencil) สกรูว์บรัช, และ แชโดว์บรัช ในการเขียนคิ้ว เพื่อจะทำให้คิ้วออกมาดูเป็นธรรมชาติ เวลาเขียนคิ้วพยายามอย่าให้โหนกคิ้วสูงจนเกินไป ทำให้รู้สึกนุ่มมากที่สุด
ข้อควรระวัง การใช้ดินสอเขียนคิ้วที่มีส่วนของน้ำมันผสมอยู่ จะทำให้คิ้วดูเข้มและไม่เป็นธรรมชาติ
== อายแชโดว์ ควรลงรองพื้นให้เข้ากับโทนสีผิวของตัวเองก่อน หลังลงรองพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้สีชมพูเป็นพอยต์ (Point) เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่สว่างและเพิ่มส่วนที่เป็นไฮไลต์ โดยใช้แชโดว์ที่เป็นมุกจะให้ความรู้สึกที่ดูใส สว่าง ข้อสำคัญสาวเกาหลีจะเขียนขอบตาเฉพาะขอบตาบน
ข้อควรระวัง อย่าใช้สีมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูเชย ไม่ทันสมัย ที่สำคัญแลดูไม่เป็นธรรมชาติ หากจะเล่นสีที่ตานิยมใช้โทนสีพาสเทล
== ลิปสติก การทาลิปนั้นไม่ต้องเน้นลิปไลน์มาก ควรทาลิปที่เป็นโทนสีแดงทาแค่ในปากเท่านั้น จะทำให้รู้สึกว่าริมฝีปากสว่าง สดใสขึ้น และให้ใช้ลิปกลอสทาตั้งแต่ริมฝีปากข้างในจนถึงข้างนอกให้แลดูเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง อย่าทาลิปกลอสในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะดูเหมือนว่าเพิ่งผ่านการรับประทานอาหารที่มันๆ มา
== บลัชออน การปัดแก้มควรใช้บลัชออนสีชมพูที่เป็นธรรมชาติปัดบนส่วนที่เป็นโหนกแก้ม (โดยลองยิ้มดูแล้วปัดตรงส่วนที่นูนขึ้นมามากที่สุด) แต่อย่าทามากเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ

แต่งหน้าไปงานปาร์ตี้ (Party Make-up)
จุดเด่น ของการแต่งหน้าแบบ Party Make-up เป็นการใช้เทคนิคการแต่งหน้าพื้นฐานของ Natural Make-up แต่ด้วยอิมเมจของงานปาร์ตี้จะมีลักษณะแบบหรูหราและงดงาม คนส่วนใหญ่จึงมักคิดว่าการแต่งหน้าไปงานปาร์ตี้จะต้องแต่งหน้าเข้มๆ เพื่อให้ดูหรูหรา ทว่าการแต่งหน้าหรูหรานั้นไม่ใช่การแต่งหน้าที่เข้ม ดังนั้นควรเปลี่ยนมาเป็นการแต่งหน้าแบบ Texture เพื่อที่จะทำให้ภาพลักษณ์ออกมา ดูหรูหราดีกว่า
การแต่งหน้าไปงานปาร์ตี้สามารถเลือกแต่งหน้าได้หลากหลายวิธี แต่ที่ดีและง่ายที่สุด คือ ใช้วิธีเลือกสีให้เข้ากับเสื้อผ้า
== รองพื้น การลงรองพื้นเหมือนกับการลงรองพื้นของการแต่งหน้า Natural Make-up คือลงให้บางที่สุดและใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดในส่วนที่อยากจะปกปิดเท่านั้น ข้อแตกต่างสำหรับคนไทยกับเกาหลีอีกอย่างหนึ่งก็คือ “สีผิว” ดังนั้นคนไทยที่มีผิวคล้ำแต่อยากแต่งหน้าสไตล์เกาหลี ก็ให้เลือกครีมรองพื้นตามสีผิวจริงๆ ของตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องความขาวความดำ เพราะถ้าจะเอาให้หน้าขาวแล้วแต่งออกมาเหมือนคนเกาหลีเปี๊ยบนั้นเป็นการฆ่าตัวเองเปล่าๆ จงคิดว่าไม่ว่าจะผิวสีไหนก็แต่งหน้าสไตล์เกาหลีได้อันนี้ครูคิมคอนเฟิร์ม
== การเขียนคิ้ว ให้กันคิ้วเพียงแค่เอาคิ้วที่เกินๆ ออกเท่านั้น ให้คงรูปของคิ้วเดิมไว้ อาจมีการเขียนคิ้วเพิ่มเติมบ้าง (กรณีที่คิ้วบางมาก) ระวังอย่าเขียนคิ้วให้ยาวเกินไปเพราะจะทำให้ดูมีอายุ และอย่าให้ดูมีเหลี่ยมที่เห็นเด่นชัด ให้เขียนโดยเขียนให้ดูนุ่มมากที่สุด
== ขนตาปลอม ในสมัยก่อนสาวเกาหลีจะเน้นการแต่งตาเพื่อให้ดูเด่นโดยนิยมขนตาปลอมที่มีขนาดใหญ่ติดให้ดูเหมือนตาตุ๊กตา แต่ช่วงนี้จะนิยมใช้ขนตาที่เป็นช่อ เพราะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สำหรับคนไทยจะใส่ขนตาปลอมหรือไม่ใส่ก็ได้ เพียงแค่ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเพิ่มก็พอเพราะโดยธรรมชาติแล้วคนไทยตาโตและมีชั้นตา 2 ชั้นอยู่แล้ว
== อายแชโดว์ ตาเป็นจุดเด่นที่สำคัญของการแต่งหน้าไปงานปาร์ตี้ คนเกาหลีนิยมใช้แชโดว์ที่เป็นมุก (Pearl shadow) เพื่อให้ความรู้สึกที่ดูหรูหรา โดยเลือกสีให้แมตช์กับเสื้อผ้า และให้ทามุกสีทองลงไปที่เปลือกตาให้ทั่ว สำหรับ Point color ให้ใช้สีน้ำตาลเข้มและสีดำ ผสมกันทำให้รู้สึกเป็นสโมกกี้
== ในส่วนของ Underline ให้เชื่อมต่อที่ Point color ลงมาที่ Underline ด้วย และให้ใช้ Black Pencil เขียนขอบตาด้านในเพื่อทำให้ดูตาลึกและตาโตขึ้น
ข้อควรระวัง การเขียนอายไลเนอร์ ไม่ควรเขียนตวัดขึ้น เพราะจะทำให้ตาเล็ก
== ลิปสติก ให้ใช้ลิปกลอสเพื่อเน้นความเป็นธรรมชาติ (คนเกาหลีนิยมใช้ลิปกลอสไม่ว่าการแต่งหน้าแบบไหน) แต่สีควรจะดูเข้มขึ้นมาหน่อย (อย่างไรก็ตาม สีชมพู ส้ม ดูเป็นเกาหลีมากๆ) จุดเด่นของการแต่งหน้าสไตล์เกาหลี คือ จะเน้นที่โทนสว่างใส ริมฝีปากวาวๆ เพราะว่าสาวเกาหลีเขาเน้นการเเต่งหน้าที่ออกแนวดูแล้วสุขภาพดียังไงล่ะ
== บลัชออน การปัดแก้มควรใช้สีชมพูและสีแป้งรองพื้นผสมกัน ปัดที่แก้ม ห้ามทาให้เข้มจนเกินไป แต่ปัดให้เห็นเป็นสีเรื่อๆ ก็พอ และให้ใช้ Pearl ทาที่ตรงไฮไลต์ใต้ตาเพื่อเพิ่มความรู้สึกที่ดูสว่าง และดูแฟนตาซี
เห็นไหมล่ะว่า การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย หากคุณมีพื้นฐานการแต่งหน้ามาแล้วยิ่งง่ายไปกันใหญ่ เพียงแต่จับเทรนด์การแต่งหน้าของเกาหลีให้ได้เท่านั้นเองว่า ตรงไหนมีลักษณะยังไง เช่น ปากวาวดูอวบอิ่มมีสุขภาพ แก้มชมพูระเรื่อเหมือนสาว ขี้อาย ตาต้องโตคมเข้ม สรุปรวมๆ แล้วการแต่งหน้าสไตล์เกาหลีนั้นสำคัญที่เน้นการแต่งหน้าเพื่อให้ดูสุขภาพดี สวยใส น่ารักทำให้วัย ดูอ่อนเยาว์ลง

ขอบคุณ Posttoday

 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น