วันพฤหัสบดี

7 วิธี ... หนีสิว



          สิว ปัญหาน่ากลุ้มสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงซักหน่อย มาดูวิธีเหล่านี้กัน ....


   1. เปลี่ยนนิสัยการกิน          คนเรากินอะไรร่างกายก็ได้อย่างนั้น ถ้าไม่อยากเป็นสิว ต้องเลิกกินของทอดๆ มันๆ แล้วหันมาตีซี้กับอาหารที่ดีต่อผิวอย่างผักผลไม้ เมล็ดฟักทอง และถั่วต่างๆ ที่มีวิตามินและแร่ธาตุสังกะสีเยอะๆ ผิวจะได้แข็งแรง สิวจะบุกมากี่กองร้อย ผิวเราก็เอาอยู่

    2. ดื่มน้ำมากๆ
          ที่ครูสอนให้ดื่มน้ำวันละ8 แก้ว ไม่ใช่ให้เอาไว้ตอนทำสอบเท่านั้น แต่ให้เอาไปปฏิบัติกันจริงๆ น้ำจะช่วยชะล้างสารพิษตัวการทำให้เกิดสิวออกไปจากร่างกาย ผิวก็เลยใส แถมสุขภาพยังดีอีกด้วย

   3. ห้ามพลาดโปรไบโอติกส์
          โปรไบโอติกก็คือแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันสารพิษเข้าสู่ร่างกาย มีมากในโยเกิร์ต กล้วย น้ำผึ้ง และหัวหอม ยิ่งกินมากสิวก็สูญพันธ์เร็ว

  4. เลือกผลิตภันฑ์ที่เหมาะสม
          ผิวแต่ละชนิดก็เหมาะกับผลิตภัณฑ์แต่ละอย่าง ถ้าคนผิวมันไปใช้โฟมล้างหน้าสำหรับคนผิวแห้ง ถึงจะไม่มีอันตรายแต่ก็ทำความสะอาดได้ไม่ดีที่สุด เผลอๆ ความสกปรกที่ตกค้างอยู่อาจไปอัญเชิญสิวเร่ร่อนให้มาสิงเต็มหน้าอีกต่างหาก

   5. ไม่เครียดเอาเท่าไร
          ความเครียดทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน เป็นที่มาของสารพัดสิวที่กำลังลั้ลลาคาราด้าอยู่บนแก้มคุณ ถ้าอยากหน้าใสจึงต้องหาวิธีผ่อนคลายตัวเองเป็นประจำ อาจจะเล่นกีฬา เจ๊าะแจ๊ะกับเพื่อน ฟังเพลง ช้อปปิ้ง อะไรก็ว่าไป ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วย ผิวพรรณจะได้แข็งแรง

   6. ลดคาร์โบไฮเดรต
          คาร์โบไฮเดรตเป็นอีกหนึ่งผู้สนับสนุนหลักของสิวทุกชนิด ของกินหวานๆ แป้งเยอะๆ อย่างขนมปัง เค้ก โดนัท ไอศกรีม จึงเป็นความอร่อยที่มีสิวพ่วงมาด้วย

    7. ตากแดดสยบสิว          แดดอ่อนๆ ยามเช้าและเย็น ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีและแคลเซียมมากขึ้น ถ้าออกไปเดินเล่นบ่อยๆ ผิวจะแข็งแรงขึ้นอัตโนมัติ ส่วนคนที่กลัวดำก็แค่ทาครีมกันออกก่อนออกจากบ้าน เท่านี้ก็ไม่มีอะไรมาหยุดความสวยของคุณได้แล้ว




ที่มา ... spicy
ขอบคุณ women.thaiza.com

ปกป้องอันตรายที่เกิดกับเส้นผม



          ผมสวยมีชัยไปกว่าครึ่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมลุคส์ของสาวๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นคุณจึงควรเลี่ยงอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมสลวยสวยเก๋ของคุณ
 1. ไดร์ผมเมื่อจำเป็นเท่านั้น และควรเลี่ยงการไดร์ผมเสียจนแห้งสนิท ควรให้เหลือความชุ่มชื้นไว้สักหน่อย
 
 2. พยายามใช้ลมเย็นในการไดร์ผม ความเป็นจริงข้อสีสาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ คือว่าถ้าหากใช้ไดร์วัตต์สูงๆ ที่ให้ลมแรงๆแล้ว ต่อให้เป็นลมเย็น ผมก็จะอยู่สวยเช่นกัน แค่อาจจะต้องเสียเวลาไดร์นานหน่อยเท่านั้น
 
3. เมื่อไรที่ผมคุณจะต้องสัมผัสกับความร้อน อย่าลืมใช้อุปกรณ์ป้องกันความร้อนที่เรียกว่า thermal protector ซึ่งมีสารโพลีเมอร์ที่ช่วยดูดซับความร้อนไว้ โดยเฉพาะเวลาที่จะไดร์ผมหรือใช้โรลม้วนผมร้อนๆ ประเภทต่างๆ
 
 4. หลีกเลี่ยงการหวีผมขณะผมชื้นหรือเปียก เพราะผมจะขาดง่ายมากๆ
 
5. สระผมทันทีทุกครั้งหลังจากขึ้นจากสระว่ายน้ำ
 
6. ใช้ครีมนวดผมที่มีองค์ประกอบป้องกันสารยูวีในตัว7. ใช้น้ำยาทำสีผมที่มีส่วนประกอบแอมโมเนียต่ำๆ หรือไม่มีเลยยิ่งดี


ที่มา ... Spicy
ขอบคุณ women.thaiza.com

ผม 4 ทรงเรียบๆปาร์ตี้สุดเริ่ด


ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก

1. ทรงแรกนี้เราจะรัดผมและสวมที่คาดผม หากใครรูปหน้าสวยๆ ทำแบบนี้จะดูน่ารักและมีสไตล์ทีเดียวค่ะ




2. สำหรับสาวๆที่ชอบผมดัด ให้เอาปลายผมไว้ด้านใดด้านหนึ่งเพื่อโชว์ลอนผมสวยๆ



3. ทรงนี้เรียบง่าย เพราะเพียงทำให้ผมตรงเพิ่มน้ำมันใส่ผมให้ดูมันเงาสักเล็กน้อย ก็พร้อมโชว์ผมสวยแล้ว



4. สำหรับสาวเปรี้ยและอยากให้ผมดูมีน้ำหนักเหมาะกับทรงนี้ค่ะ


ชอบทรงไหนกันค่ะ

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

ขนาดอวัยวะเพศชายสำคัญอย่างไร

 
ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็กผู้ชายส่วนใหญ่เป็นกังวลเกี่ยวกับ ‘ลักษณะเฉพาะ’ ของอวัยวะเพศตนเอง  โดยเฉพาะเมื่อถึงนาทีของการสอดใส่  ความกังวลนี้เป็นสาเหตุของความเครียดทางเพศของผู้ชาย ทำให้อวัยวะเพศหย่อนประสิทธิภาพในการแข็งตัว บางรายต้องบำบัดด้วยยา  แต่บางกรณีก็ไม่จำเป็น แค่หยุดวิตกกังวลเกี่ยวกับขนาดอวัยวะเพศตนเองก็เกินพอ
ผู้ชายควรยอมรับในสิ่งที่ตนเองมี แต่ถ้าขนาดยังคงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ ก็คงต้องอาศัย เทคนิค เข้าช่วยปรับปรุงทักษะในการร่วมรัก
 การร่วมรักไม่ใช่เรื่องเข้ายาก แค่สอดวัตถุ A  เข้าไปในช่องแคบ B ก็แค่นั้น  แต่บางครั้ง วัตถุ A ก็ไม่แนบแน่นพอดีกับช่องแคบ B เสมอไป  ดังนั้น ถ้าผู้ชายไม่อยากเสียสุขภาพจิตในเวลาร่วมรัก และต้องการเฉลี่ยความรู้สึกกับคู่รัก ก็ต้องรู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด          
ภายใต้ความหลากหลายของเส้นรอบวง
มากกว่า 5.18 นิ้ว : กรณีที่อวัยวะของฝ่ายชายมีความหนาเอาการ และช่องคลอดฝ่ายหญิงค่อนข้างเล็ก การร่วมรักมักทำให้ฝ่ายหญิงเจ็บปวดขึ้นมาได้  ดังนั้น ผู้ชายจึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในนาทีที่จะเปลี่ยนจากขั้นเล้าโลมไปสู่การร่วมรัก ควรใช้เวลากับการเล้าโลมให้นานมากขึ้น  เนื่องจากฝ่ายหญิงยิ่งได้รับการเร้าอารมณ์ทางเพศมากเท่าใด โอกาสที่ช่องคลอดจะขยายตัวก็มีมากเท่านั้น  ลองกระซิบถามเธอเป็นระยะ ว่าเธอพร้อมจะให้เข้าไปแล้วหรือยัง  เริ่มด้วยการเข้าไปอย่างช้าๆ อาจใช้สารหล่อลื่นหรือน้ำลายช่วยได้ในช่วงแรก
น้อยกว่า 5.18 นิ้ว :เมื่อเข้าไป แล้วรู้สึกเคว้งคว้าง เทคนิคที่จะช่วยได้คือ การจัดท่า เน้นให้หัวเข่าฝ่ายหญิงชิดกัน จะทำให้ช่องคลอดอยู่ในลักษณะเหยียดตัวจากบนลงล่าง ไม่ใช่เหยียดตัวออกด้านข้าง (ปากช่องคลอดจะบีบตัวเข้าหากัน)
วิธีการก็คือ ให้ฝ่ายหญิงนอนราบ ยกขาเธอขึ้นให้เกือบชิดทรวงอก (หรือยกขาแล้วงอเข่าลงมา อาจใช้มือช่วยยึดหัวเข่าฝ่ายหญิงให้เกือบชนกันด้วยก็ได้) ฝ่ายชายอยู่ในท่าคุกเข่าบนพื้น กางเข่าคร่อมสะโพกฝ่ายหญิง บีบเข่าตัวเองเข้าหากัน เท่ากับช่วยบีบสะโพกฝ่ายหญิงไม่ให้กางออกได้เหมือนกัน
ภายใต้ความหลากหลายของความยาว
4.4 นิ้วหรือน้อยกว่า :ในช่วงการเล้าโลมทางเพศ ช่องคลอดฝ่ายหญิงมักขยายตัวเกินความจำเป็น ทั้งนี้ก็เพื่อรอรับวัตถุแปลกปลอม  แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อวัตถุแปลกปลอมเข้าไปแล้ว ผนังช่องคลอดจะคืนตัวให้ห่อหุ้มพอดีกับขนาดวัตถุแปลกปลอม
จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติข้อนี้ แทนที่จะรีบบุกเข้าไป ฝ่ายชายอาจใช้วัตถุแปลกปลอมของตนเองถูไถบริเวณเชิงกรานภายนอกของฝ่ายหญิงก่อน พร้อมกับสอดใส่นิ้วมือเข้าไปแทน เพื่อให้ผนังช่องคลอดปรับตัวให้พอดีกับขนาดนิ้วมือ สองสามนาทีหลังจากนั้นจึงส่งวัตถุแปลกปลอมเข้าแทนที่นิ้วมือ  ด้วยวิธีนี้ เมื่อผนังช่องคลอดปรับตัวให้พอดีกับขนาดนิ้วมือไปแล้ว เมื่อสอดใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปฝ่ายชายจะรู้สึกถูกบีบรัดมากขึ้น ส่วนฝ่ายหญิงเองก็จะพลอยรู้สึกไปด้วยว่านี่คือขนาดที่ปกติ
4.4 ถึง 6.5 นิ้ว :ผู้ชายที่รู้วิธีควบคุม ‘ระดับ’ และ ‘จังหวะ’ ของการสอดใส่ จะรู้วิธียั่วเย้าอารมณ์ผู้หญิงให้กระเจิง ประสาทรับสัมผัสส่วนใหญ่ภายในช่องคลอดรวมตัวอยู่กันหนาแน่นบริเวณส่วนนอก (ไม่ลึกนัก) เป็นบริเวณซึ่งขนาดเฉลี่ยของเพศชายจะเข้าไปกระทบโดนได้ทั้งหมดจากการร่วมรักในท่าปกติ คือ ฝ่ายหญิงนอนราบ ขาเหยียดตรงธรรมดา ฝ่ายชายร่วมรักจากด้านบนลงไปเช่นกัน
6.6 นิ้วขึ้นไป :ผู้ชายที่มีความยาวระดับนี้อาจคิดว่าตนเองมีข้อได้เปรียบเหนือความยาวในระดับที่น้อยกว่านี้  แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่เห็นตรงกัน ว่าการที่ผนังช่องคลอดส่วนหลังถูกชนระหว่างการร่วมรักนั้น เจ็บพอๆ กับที่ผู้ชายถูกบีบลูกอัณฑะนั่นแหละ  พูดง่ายๆ คือ อย่าสอดใส่เข้าไปลึกเกินความจำเป็น  วิธีที่ดีที่สุด ให้ฝ่ายชายนอนหงาย ให้ฝ่ายหญิงอยู่ด้านบน ขยับตัวควบคุมระดับความลึกตามที่เธอเห็นชอบ
 
ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

ถ้าผู้หญิงคิดจะนอกใจ หล่อนทำกันยังไงกัน?


ในโลกนี้ ไม่ได้มีแต่ผู้ชายฝ่ายเดียวซะหน่อย ที่หลายใจ, หลายรัก และชอบไปกุ๊กกิ๊ก, เกลือกกลั้วและสำส่อนไม่เลือกหน้า เพราะแม้แต่ผู้หญิงบางคนก็ชอบกระจายความรักให้ใครๆไปทั่วแคว้นแดนสยามเหมือนกัน
แต่อัตราการแสดงออกอย่างโจ๋งครึ่มน่ะ คงมีสัดส่วนไม่เท่ากันแหงๆ เพราะหนุ่มๆส่วนใหญ่ ไม่ชอบเก็บความในใจเรื่องนี้ไว้นักหรอก แต่ไม่ใช่กลัวว่าถ้าเก็บ “รักซ้อนซ่อนรัก” ไว้แล้วจะอกแตกตายนะ ทว่าอยากบอกออกไปเพื่อจะได้รู้ไงล่ะ ว่า “คนที่เค้าไปปิ๊งเข้า” จะเล่นด้วยรึเปล่า?
ดังนั้น  แทนที่จะเขียนเรื่องชายนอกใจ ก็ไม่รู้จะฝอยไปทำไม เพราะผู้ชายน่ะเจ้าชู้รู้ๆ กันอยู่ แถมเวลาเค้านอกใจน่ะ มีแฟนสาวคนไหนไม่รู้มั่งมีมะ? โอ้ย ถ้าไม่รู้ก็ตลกแล้ว อย่าอมฮอลล์มาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอ๊ะ หรือไม่อยากยอมรับความจริงกันแน่ แต่เอาน่ะ ถ้าดูไม่ออกจริงๆ ไว้จะเขียนให้อ่านละกัน
คราวนี้ขอแฉ ฝ่ายหญิงที่นอกใจแฟนของเธอกันบ้าง ท่าจะดี แต่อุบอิบก่อนว่า เรื่องนี้สาวดีๆ ซึ่งไม่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียไม่เกี่ยวนะ เพราะไม่ใช่กลุ่มที่เขียนถึง และเชื่อว่า ผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียว หรือ รักใครก็รักทีละคนน่ะมีมากกว่า “สาวหลายใจ” หรือ “สาวเจ้าชู้” แน่นอน
ถ้าใครอยากรู้ว่าสาวคนไหนนอกใจแฟน ล่ะก็ มีสัญญาณต่อไปนี้ส่อพิรุธให้จับได้ไล่ทันละกันว่า หล่อนนอกใจแน่แล้ว เช่น......
1. หล่อนไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์แฟนชนิดกระหน่ำซ้ำเติมเหมือนเดิมแฮะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หล่อนจะแคร์ในสิ่งที่แฟนพูดหรือทำอะไรก็ตามออกมานะ โดยเฉพาะถ้าพูดไม่ถูกหูก็โดนด่ากลับแหงๆ ถ้าปากหวานก็เรียกดาร์ลิ่งจ๊ะ ดาร์ลิ่งจ๋า กันทั้งวัน แต่เดี๋ยวนี้รึ หล่อนแทบไม่สนด้วยซ้ำ ว่าแฟนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร? เรียกว่าหมดความสนใจในตัวแฟนอย่างสิ้นเชิงก็ว่าได้ อ่ะ เพราะมีเป้าหมายใหม่ให้ดู๋ดี๋ซี้ดซ้าดแล้วนี่หว่า ทว่าอาการไม่สนใจไยดีหยั่งงี้ ควรสังเกตให้ดีๆซะก่อน เพราะบางทีไม่ใช่เพราะมีใครอื่นก็ได้นะ แถมอาจเป็นอาการชั่วคราว จึงไม่เข้าข่ายนอกใจ แต่ถ้าเลิกสนอย่างถาวร ไม่มีคะ ไม่มีขา เป็นหางเสียงแล้ว นั่นแหละ ของจริงล่ะ
2. ลดเชฟและออกกำลังวังชา เพื่อให้มีรูปร่างที่ใครๆ อยากเหลียวมอง นี่ก็ใช่ จู่ๆจากเคยอวบอั๋นเป็นบริดเจท โจนส์ สาวทรงชามกะ-ละมัง และเอร็ดอร่อยกับอาหารทุกจานที่ขวางหน้า แต่วันดีคืนดีก็หุนหันเปลี่ยนใจมาเข้าฟิตเนส เพราะอยากมีเรือนร่างเช้งกะเด๊ะกว่าแต่ก่อน ทั้งที่ไม่ได้มีวี่แววว่าหล่อนคำนึงถึงเรื่องสุขภาพอะไรทั้งสิ้น อีกอย่าง สุขภาพน่ะเรื่องรอง แต่อยากสวยน่ะเรื่องใหญ่กว่าน่ะสิ แถมทำงี้ไม่ใช่เพื่อให้แฟนตัวจริงทั้งรักทั้งหลงด้วยนะ อื้ม...ชักยังไงๆ อยู่นา
3. สุงสิงกับสมาชิกในครอบครัวถี่จัง ทีเมื่อก่อนแทบไม่เคยเอ่ยถึงญาติให้ได้ยินเลยสักแอะ นี่อาจเป็นข้ออ้างก็ได้นะ
หากพ่อแม่ของหล่อนเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ยังพอเข้าใจว่าเธอต้องรีบกุลีกุจอช่วยเหลือแหงๆ เพราะพ่อแม่ใครใครก็รักจริงมะ แต่หากหล่อนอ้างอยู่นั่น แหละว่า วันนี้ต้องทำธุระกับญาติห่างๆ แถมเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องซะด้วย ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาซะหน่อย หรือขอตัวไปดูแลลูกๆของน้า และหลานๆของเพื่อน...เปิดเนิร์สเซอรี่ฆ่าเวลาหรือไงเนี่ย? แต่แท้จริงกลับเอาเวลาไปอี๋อ๋อฉอเลาะกับคนอื่นต่างหาก แล้วใช้วิธีขุดญาติโกโหติกาจากไหนไม่รู้มาบังหน้า โถ...ช่างเข้าใจแหกตาจังนะตัว

4. มีเพื่อนหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วเป็นเพื่อนนอกวงการที่ไม่ได้ทำงานเอี่ยวกันซะด้วยดิ เผอิญไปรู้จักอีท่าไหนก็ไม่รู้ เพราะหล่อนคงไม่อยากเล่าให้ฟัง แต่สนิทกันโคตรเร็วเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้หล่อนเป็นสาวสังคมจัดจ้านซะที่ไหน นานน้าน ถึงจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงซึ่งมักเป็นเพื่อนหน้าเดิมๆ หรือมีรู้จักใหม่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ที่สำคัญ ไม่เคยเห่อเพื่อนใหม่จนออกนอกหน้าหยั่งงี้ซะด้วย แล้วอู้ย! เพื่อนหน้าใหม่แต่ละคนที่หล่อนรู้จักนะ อู้หู ตรงสเปกกับใจที่อยากได้เป็นแฟนพอดี๊พอดี บังเอิญมาสอดคล้องต้องกันได้ไงวะเนี่ย
5. หล่อนไม่อยากให้แฟนตัวจริงเข้ามาประชิดและมีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้ว
เมื่อก่อนแค่สะกิดก็โผเข้าหา แต่ปัจจุบันเรอะ ขนาดจับไม้จับมือแถมจับแล้วจับอีก (จับอะไรมั่งเดาเอาเอง) ยังรู้สึกงั้นๆ ไม่ดึ๋งดั๋งตื่นเต้นแล้วอ่ะ เพราะหล่อนไม่เห็นแฟนเป็นสิ่งเร้าอารมณ์ให้อยากมีกามกิจด้วยน่ะซี หรือถ้ายอมคล้อยตาม เอ้า...กุ๊กกิ๊กหน่อยก็ได้ฟะ ไอ้ครั้นโหมโรงไม่ทันไร หล่อนก็รู้แล้วอ่ะ ว่าท่าเดิมๆมาอีกแหละ แต่ต่อให้เปลี่ยนไปสวิงสวายแค่ไหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

หากหมดรักจริงๆ ก็ควรเลิกอย่างสันติ ขืนใช้ วิชานอกใจหรือจับปลาหลายมือ ระวังเถิ้ด ถ้าไปเจอ พวกที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกันล่ะยุ่งเลย ยิ่งค่านิยม “รักเสรี” ที่ไม่คำนึงถึง “ความยั่งยืน” กำลังระบาดอยู่ด้วย ถ้าสาวใดเผลอนอกใจแฟนไปแล้ว แต่ไม่แน่ว่าอยากตีจากจริงๆอ่ะป่าว ก็ขอให้เลิกซะ ทำงี้แล้วมันเก๋ ตรงไหนฮึ สู้รักใครก็รักให้จริงๆไปเลย ไม่ต้องแกล้ง “รักเล่นๆ” ให้เสียเวลาและเปลืองเนื้อเปลืองตัวดีกว่าน่ะฮ้า

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

Bookmark and Share สาว 12 แบบน่าจีบไว้เป็นแฟน

Bookmark and Share
ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก

สมัยนี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายดีๆ หายากตายชัก แต่ อย่าเพิ่งท้อไป เพราะก็ยังมีผู้หญิงนิสัยดีอยู่อีกเยอะ แม้จะหายาก ก็ตามที ว่าแต่ คำว่า "ดี" ในที่นี้ มนุษย์แต่ละคนคงให้ดีกรี "แห่งความดี" ของคนที่เราจะคบหา สมาคมด้วยแตกต่างกันไป เพราะเห็นมาเยอะแล้ว ที่ดีสำหรับเรา แต่คนอื่น กลับมองว่าไม่ดีก็มีถมเถ ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่า มี ผู้หญิงแบบไหนบ้างล่ะ ที่ควร คว้ามาเป็นแฟน (12 Types of Women You Should Date) และนี่ก็เป็นคุณสมบัติของสาวๆที่ใครๆ ก็หมายปอง ได้แก่...

1. มิสแสนหวาน (Miss Sweet) เป็นผู้หญิงที่ ในชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ รื่นเริงบันเทิงใจ มองโลกในแง่ดี จึงทำให้ฝ่ายที่จะมาเป็นคู่รัก มีแต่ความสดชื่นเมื่ออยู่ใกล้ เธอช่างเป็นสาวที่มีความจริงใจ (โอ้ย เขียนไปก็เริ่มจะเอียน ด้วยความอิจฉาตาร้อนผ่าว) ฉะนั้น หากใครพบ ก็ควรรีบตะครุบไว้ อย่าปล่อยให้ ม.ค.ป.ด.นะยะ
2. มิสเสมอภาค (Miss Equality) แบบนี้เป็นนักสิทธิสตรีตัวยง แต่ไม่ถึงกับต่อ ต้านเพศชายนะ เพียงแต่เธออาจไม่พอใจมากๆ หากเกิดรู้ว่าเธอถูกเลือกปฏิบัติขึ้นมาก็สวยล่ะสิ มิสเสมอภาคเชื่อว่า ทั้งชายและหญิงควรจะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน หรือไม่ก็เป็นหุ้นส่วนแบบ 50/50 และเต็มใจที่จะหารความรับผิดชอบและค่าเที่ยวหรือค่าใช้จ่ายกันคนละครึ่ง หนุ่มๆคงชอบแหละเพราะไปเที่ยวด้วยกันก็อเมริกันแชร์
3. มิสเซ็กซ์จัด หรือเซ็กซ์ขึ้นสมอง (Miss Sexsual)
ชื่อหวาดเสียวเนอะ ชื่อของสาวประเภทนี้ก็บอกแล้วว่า ชอบกิจกรรมกามกิจเป็นพิเศษ หากชอบเซ็กซ์กะเซ็กซ์มาเจอกันก็โป๊ะเชะไปเลย แต่เปล่านะ เธอไม่ได้กำลังขายเซ็กซ์หรือใช้เซ็กซ์เป็นเครื่องมือปั�หัวพวกผู้ชาย เพียงแต่สาวกรุ๊ปนี้เค้าเรียกร้องความต้องการตามธรรมชาติน่ะ เพราะรับรองได้ว่า เธอปรารถนาเซ็กซ์แต่ไม่สับสนกับความต้องการทางเพศ ที่รุนแรงของสาวมีปัญหาทางจิตหรอกน่า เธอสามารถมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่เธอชื่นชอบได้ไม่ยาก แถมหนุ่มๆจะหลงผู้หญิงแบบนี้ด้วยสิ

ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก4. มิสเพื่อนที่แสนดี (Miss Best Friend) ถ้าเรียก ทับศัพท์ว่า มิสเบสท์ เฟรนด์ ยังเพราะกว่าอีก เห็นด้วยไหม? สาวรายนี้ใกล้เคียง กับมิสหวานจ๋อย สาวประเภทนี้น่าคบจะตายไป ถ้าได้เธอเป็นแฟนก็เหมือนยิงทีเดียวได้นก 2 ตัว เพราะ จะได้เพื่อนซี้ด้วยไง ทีนี้แหละ ไปไหนก็ชวนกันไป จะชวนดูเกมโชว์ ชวนดูกีฬาเธอก็ไม่เกี่ยง ชอบทำกิจกรรมด้วยกัน แถมหากมีอะไรเกิดขึ้นกะแฟน เธอก็จะเข้าข้าง "หวานคอแร้ง" เอ้ย หวานใจเสมอ หนำซ้ำยังตลกกับเรื่องขำขันฝืดๆของแฟนได้ด้วย
5. มิสตรงไปตรงมา (Miss Straightforward) เป็นสาวที่รู้จักวิธีสื่อสาร เพราะไม่ชอบเล่นเกม ปวดหัว ฉะนั้น ทำอะไรตรงไปตรงมาดีกว่า ไม่ต้องให้ หนุ่มๆมาอ่านใจให้น่ารำคาญ บรรดากูรู (แปลว่ารอบรู้ ไม่ใช่รูกู) คอนเฟิร์มว่า มิสเถรตรงเป็นสาวมั่น ถ้าเธอติดตาต้องใจหรือชอบใครละก็ หากรู้เบอร์โทรศัพท์ เธอจะไม่มีวันรีรอหรือทำเป็นอ้อยอิ่ง รอให้ราชรถมาเกยเด็ดขาด แต่เธอติดจะเป็นคนขวานผ่าซากนะ เลยไม่ค่อยได้เห็นความดัดจริตของสาวกลุ่มนี้เท่าไหร่
6. มิสอิสรเสรี (Miss Independent) ถ้าไม่มีเวลามากพอที่จะทุ่มให้กับความสัมพันธ์ ละก็ สาวรายนี้แหละที่เหมาะกะคนไม่ค่อยมีเวลามาประคบประหงมเธอมากที่สุด เพราะหล่อน อยู่คนเดียวได้สบายมาก ไม่เกาะติดแฟนเกินไป ว่ากันว่า สาวพวกนี้อยากมีคนรักก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จำเป็น "ต้องมี" เสมอไป อ้าว! ยังไงกันเนี่ย อ๋อ แปลว่า จะมีแฟนก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร
7. มิสจงรักภักดี (Miss Loyal) รับรองได้เธอเป็นแฟนแล้วจะรู้ว่า ความซื่อสัตย์ และรักเดียวใจเดียวน่ะมีจริงนะยะ ว่าแต่คนรักของเธอจะสัตว์...สัตย์ซื่อด้วยรึเปล่า นี่ก็เวรกรรมของใคร ของใครก็รับกันไป
8. มิสไร้แรงกดดัน (Miss No Pressure) ขณะสาวๆหลายนางพยายามเหลือเกิ๊นที่จะได้ แต่งงาน แต่ "มิสไร้ซึ่งแรงกดดัน" จากครอบครัวและคนรอบข้างทั้งปวงไม่ตกเป็นเหยื่อของพรรค์นี้ เธอจะมีความสุขกับการได้เลือกคนรักเอง และอยู่กะเขาแบบไม่ต้องพะวงว่าจะมีใครกีดกันรัก แหม้ดีจริงจริ๊งนะจ๊ะหนู
9. มิสมั่นคง (Miss Secure) จะยอมรับตัวตนของเธออย่างที่เธอเป็น ทั้งข้อดีและเสีย แถมยังรู้สึก อย่างนี้กะคนรักด้วย หล่อนไม่ ต้องการความเอาใจใส่อย่างมากมายเกินเหตุจากดาร์ลิ่ง เพราะเธอรู้หน่าว่าจะดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควรได้อย่างไร
10. มิสบุคลิกยอดเยี่ยม (Miss Personality) แม้เธอไม่ได้ชนะเลิศการประกวดความงาม (ก็ไม่ได้ไปประชันขาอ่อนกะใครนี่หว่า) แต่ความเฉลียว-ฉลาด เฉียบแหลมและฉายแรงเปล่งประกายเลอเลิศด้านบุคลิก ล้วนเป็นแม่เหล็กทำให้เธอเป็นที่หมายปองของใครๆ สาวที่มีบุคลิกดีเนี่ยนะ บางทีได้เปรียบสาวสวยซะด้วยซ้ำ เพราะแหม มารยาทดีปานนี้ ถ้าแฟนจะพาไปหาพ่อแม่เค้าก็ง่ายใช่ป่าว
11. มิสเรียบง่าย (Miss Low Maintenance) โอ้ หญิงประเภทนี้หายากที่สุดของความยากเลย เชียวล่ะ เพราะเธอจะไม่แคร์หรอกว่าแฟนรวยจนแค่ไหน เพราะเธอไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยที่ใช้เงินเปลืองอยู่แล้ว เพราะ ฉะนั้น เธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนก็เพราะรัก แล้วเธอก็คิดว่าตัวเองสามารถหารายได้มาจุนเจือตัวเองได้
12. มิสสาวที่ "ใช่เลย" สำหรับคุณ (Miss Right for You) ผู้ชายมักเลือกควงสาวหน้าตาดีมีเสน่ห์ เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เขา ดูดีในหมู่เพื่อนๆของเขาไปด้วย แต่ลืมว่า ใครกันแน่ที่เหมาะกับเขาอย่างแท้จริง เพราะบางทีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มธรรมดาอาจให้ความรัก และความอบอุ่นมากกว่าคนสวยที่รักแต่ตัวเองและไม่รักผัว...เอ๊ยแฟนก็มี เหตุนี้เวลาจะสมัครรักใคร่กะใครก็หัดเลือกคนที่จิตใจดี ดีกว่าเลือกเพราะองค์ประกอบภายนอก สวยๆหล่อๆน่ะมีแต่จะทำให้ช้ำ ทราบแล้วเปลี่ยน.

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

นิสัยผู้ชาย..ที่ผู้หญิงชอบ


ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก1. ชอบผู้ชายที่ให้เกียรติตนทั้งต่อหน้าและลับหลังคนอื่น
(อีโก้น่ะลดๆลงบ้างก็ได้ ไม่ต้องกลัวชาวบ้านเค้าหาว่ากลัวเมียหรอก)

2. ชอบผู้ชายพูดจาไพเราะ อ่อนหวานแต่ไม่เหยาะแยะ แฝงความเข้มแข็งในน้ำเสียง
(กูมึงไว้พูดกับเพื่อน กับแฟนไม่ต้องความจริงใจไม่ได้ใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างเดียว)

3. ชอบผู้ชายที่ยิ้มง่ายและมีอารมณ์ขัน
(จะเก๊กไปถึงหนาย ไม่ได้หล่อขึ้นมาหรอก)

4. ชอบผู้ชายที่ช่างเอาใจ จำวันสำคัญๆได้บ้าง
(ไม่ต้องหมดหรอก ให้ได้บ้างก็พอแล้ว เป็นบุญสุดๆ)

5. ชอบผู้ชายที่ดูแล้วอบอุ่น พึ่งพาได้
(จะได้รู้ว่าเวลามีแมลงสาบวิ่งมา มันจะได้ไม่โดดมาแย่งเก้าอี้แล้วกรี๊ดแข่งกับเรา)

6. ชอบผู้ชายที่เก่งกาจ มีความเป็นผู้นำ แต่ไม่สำคัญตัวเองและดูถูกเรา
(ชั้นรู้แล้วว่าคุณเก่ง ว่าแต่เก่งพอที่จะรู้หรือเปล่าว่าเราแกล้งโง่น่ะ)

7. ชอบผู้ชายที่รู้จักง้อบ้าง ยิ่งเวลาตัวเองผิดด้วยเนี่ย
(ขอโทษๆน่ะ พูดเป็นมั้ย)

8. ชอบผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน สะอาดสะอ้าน
(เวลาควงด้วยจะได้รู้สึกภูมิใจ ไม่อายชาวบ้าน)

9. ชอบผู้ชายที่เสมอต้นเสมอปลาย แสดงออกว่ารักอย่างสม่ำเสมอ
(เราหวั่นไหวง่าย ต้องย้ำกันบ่อยๆ รู้เปล่า เดี๋ยวลืม)

10. ชอบผู้ชายที่เวลาไปไหนมาไหนก็บอกกันบ้าง
(ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะเฟ้ย...)


ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

ฝังมุก- ฉีดยาอวด ใหญ่ แน่ใจหรือว่าเพิ่มพลังเซ็กซ์


ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก

ก็เข้าใจหรอกนะว่า ยุคนี้มีแต่ความเครียด ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ, การบ้าน, การเมือง กระหน่ำใส่ ชาวประชาหน้าแห้งทั้งหลายซะจน ทำให้ขนาดคนที่เคยมีจิตแข็งกระโดก ยังอ่อนปวกเปียก และกลายเป็นคนวิปลาสก็มีให้เห็นตั้งแยะ

แต่หากใครที่สติแตกกระเจิง เพียงชั่วคราวแล้วไม่ เพี้ยน หรือประสาทเงียบๆ ไม่ไปสร้าง ความเดือดเนื้อร้อนใจ ให้ สังคม และคนรอบข้าง คนประเภทนี้เชื่อว่าจิตแพทย์ คงจะรับมือไหว และมีสิทธิ์ที่จะหายเพี้ยนได้ในไม่ช้า

ทว่า ยังมีมนุษย์บางจำพวกนี่สิท่านผู้ชม นอกจากจะบ้าแล้วยังซ่าส์อีกต่างหาก หนำซ้ำยังวิปริตถึงขนาดมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการแสวงหาความสุขทางเพศด้วยการ ถึงกับลงทุนไปทำศัลยกรรมฝังมุก หรือฉีดยาและผ่าตัดทำให้อวัยวะเพศของตัวเอง "ใหญ่" เอาไว้ก่อน
โดยคิด (เองเออเอง) ว่า การทำเช่นนั้นจะช่วยให้เขา และเธอผู้ร่วมเสพสมบ่มิสมถึง ไคลแมกซ์ กับเกมบรรเลงรักได้สนิทใจ แต่ ขอโทษเถอะ ความจริงแล้วความสุขของ การมีชีวิตคู่ไม่ได้อยู่ที่ "เรื่องบนเตียง" เสมอไป

ดังนั้น ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณไม่ว่าจะสำนักไหน ล้วนไม่เห็นด้วย กับ ความคิดพิสดาร ซึ่งเท่ากับเป็นการลงทุนแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเช่นนี้แน่

หากคุณผู้อ่านท่านชายรายใด เคยคิดสืบเสาะหายาที่ตัวเองเชื่อว่า จะช่วยบำรุงสมรรถนะทางเพศ ให้นกเขาเริงร่ายิ่งขึ้น เพราะเชื่อผิดๆ ว่า จะยิ่งทำให้ ภรรยาหรือเมียน้อย, เมียเก็บและเมียแอบ ของตนมีความสุข... กรุณาเปลี่ยนความเข้าใจในเรื่องนี้เสียใหม่ได้แล้ว

เพราะการฝังมุก, ฉีดยา, ผ่าตัดอวดความใหญ่นั้น มันเป็นความคิดของฝ่ายชาย แต่เพียง ข้างเดียวเท่านั้นว่า จะทำให้ผู้หญิงมีความสุข ทั้งที่ความจริงแล้วมีแต่ทุกข์ต่างหาก ก็จะไปแฮปปี้ ได้ไงในเมื่อ "อะไรบางอย่างมันไม่เป็นไปตามธรรมชาติ" เสียแล้ว คิดดูเอาแล้วกันนะ

ฉะนั้น หากใครมีสามีหรือแฟน ที่กำลังฝักใฝ่กับความพิสดารดังกล่าว คุณควรช่วย เตือนสติให้เขาสำนึกถึงสิ่งที่ถูกต้องว่า...
1. อะไรที่มันจะใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง ไม่ได้ส่งผลต่อความรักที่มีต่อกัน และกันเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปเสียเงินเสียเวลา และเปลืองสมองที่จะคิดอะไรห้าวๆ อย่างนั้นเลย

2. การปรึกษาหารือกัน และกันเพื่อค้นหาความสุขร่วมกันฉันคนรักต่างหาก ที่คุณทั้งสองต้องการ และควรทำมากที่สุด

3. ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำอะไร กับอวัยวะเพศของคุณ ควรคำนึงถึงความปลอดภัย และอย่าหูเบาหลงเชื่อเรื่องงี่เง่าแบบนี้ง่ายๆ
เตือนกันประมาณนี้แล้ว ถ้ายังซ่าส์ไม่เลิก ยังอยากจะ "ใหญ่" อยู่ร่ำไป ก็เอาสิ. 

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

เปลือย !!! ความหมายในคำพูดของผู้หญิง


ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก

กิริยา...อาการ...คำพูดของหญิงสาวที่แสดงออกมาแต่ละครั้งนั้นล้วนมีนัย โดยเฉพาะ คำพูดที่พวกเธอพยายามสื่อให้หนุ่มคนรักรู้นั้น เป็นสิ่งที่มักตรงกันข้ามกับใจพวกเธอเสมอ เพราะต่อให้เป็นสาวยุคใหม่ พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าแค่ไหน ก็ไม่กล้าเอ่ยปากบอกความจริงให้หนุ่มคนรู้ใจในทุกๆ เรื่องหรอก จริงไหม !?!
      
“ฉันไม่โกรธ” แปลได้เต็มว่า “ฉันกำลังโกรธอยู่มากๆ” โดยเฉพาะ อาการเงียบเฉย กับประโยคลอดไรฟันว่า ฉันไม่เป็นอะไร สบายดี !!! ซึ่งมันไซโคให้หนุ่มๆ ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ต้องมาง้อคุณเธอซะหน่อยแล้ว
      
“ฉันคิดกับคุณแค่พี่ชาย”
เธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ และพยายามอย่าดื้อรั้นจีบเธออีกต่อไป เพราะแม้แต่ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างคุณทั้งสองก็อาจจะไม่เหลือ
      
“ฉันชอบเพื่อนๆ คุณนะ แต่…” หากมีคำว่าแต่หลังประโยคไหนเมื่อไร สรุปไปเลยว่ามันคือสิ่งที่พวกเธอไม่ชอบ โดยเฉพาะ เรื่องเพื่อนกับแฟน หากมีแต่ขึ้นมา คงถึงเวลาที่หนุ่มๆ ควรตระหนัก และแยกแยะให้ออกแล้วล่ะ
      
“ผู้ชายคนนั้นผมสวยจัง” รู้ได้เลยว่าเธอคนนี้ไม่ชอบคุณ เพราะแม้กระทั่งสีผม เธอก็ยังไปชอบของชายอื่น แต่หากคุณเป็นคนไม่คิดมาก ก็อย่าพยายามใส่ใจประโยคนี้ของเธอก็แล้วกัน
      
“ฉันดูเป็นอย่างไรบ้าง?” หมายความง่ายๆ ว่าเธอต้องการให้คุณชม ไม่ว่าจะสวยหรือไม่สวยภายใต้เสื้อผ้าชุดนี้ หรือเมคอัพสีนี้ หัวใจสำคัญคือ ขอให้ชมเธอไว้ก่อน นอกเสียจากว่าคุณรับกับมันไม่ได้เลยจริงๆ หรือมันไม่เหมาะกับเธอจริงๆ ค่อยใช้เหตุผลมาพูดจา
      
“ทำไมคุณทำแบบนั้น?” ให้รู้ทันทีเลยว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ขัดใจเธอ หรือทำผิดในสายตาเธอ ดังนั้น อย่ารู้สึกหงุดหงิดกับประโยคนี้ เพราะแม้ว่าคุณจะทำสิ่งที่ถูก แต่บางครั้งมันอาจจะไม่ใช่ในสไตล์ของเธอ
      
“หนังเรื่องนี้ท่าทางน่าสนุก” ชวนฉันออกเดตบ้างสิ!!! นี่คือความหมายจริงๆ ที่เธออยากบอก
      
“เราไปออกกำลังกายกันไหม?” สาวคนรักเริ่มจะรับไม่ได้กับความอ่อนแอ และไขมันที่เริ่มก่อตัวใต้ชั้นผิวหนังคุณ ดังนั้น อย่ารอช้า รีบฟิตก่อนที่เธอจะเลิกสนใจคุณดีกว่า
      
“ฉันไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของเรา” เราเป็นเพื่อนกันนั่นแหละดีแล้ว อย่าพยายามจีบฉันเสียให้ยาก
      
“ช่วงนี้ยุ่งมาก”...ไปไกลๆ เลย เพราะเธอไม่อยากแม้แต่จะนั่งดื่มน้ำชายามบ่ายกับคุณ
      
“คุณกำลังมองหาใครอยู่หรือเปล่า”...‘ก็ฉันนี่ไงล่ะ นั่งหัวโด่อยู่หน้าคุณเนี่ย กำลังต้องการคนรู้ใจมาดูแล สนใจเป็นแฟนฉันไหม!’ นี่คือประโยคเต็มๆ ของเธอที่อยู่ในใจ ดังนั้น ขอเบอร์โทรของเธอไว้ซะ...
      
“คุณแน่ใจนะว่าอยากไปที่นั่นจริงๆ” แปลง่ายๆ ว่า เธอไม่อยากไปกับคุณเลย

“เรารู้จักกันนานแค่ไหนแล้วนะ” “บอกรักฉันซักทีได้ไหม” คือสิ่งที่เธออยากบอก รีบๆ บอกประโยคนี้เธอหน่อยละกัน เพราะเธอกำลังลุ้นฟังประโยคนี้อยู่
      
คำพูดเหล่านี้ล้วนมีความหมายให้คิด แต่ก็อย่ายึดติดกับรูปแบบของประโยคเหล่านี้มากเกินไป เพราะต้องดูอารมณ์ และลักษณะน้ำเสียงที่เธอเปล่งออกมาประกอบด้วย หากคุณเป็นคนคิดมากและไม่เข้าใจจริงๆ ถามความหมายเธอไปตรงๆ ก็คงง่ายกว่า !!!

ขอบคุณหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

เลือกกางเกงลิง อย่างไรไม่ให้น้องเจ็บ

เลือก กางเกงลิง อย่างไรไม่ให้น้องเจ็บ
หากมีโอกาสได้เดินตามห้างสรรพสินค้า เราจะสังเกตว่ากางเกงในชายนั้นมีให้เลือกหลายรูปแบบ ดีไซน์มากมายหลายประเภท จนผู้ชายหลายคนก็คงเลือกไม่ถูกเช่นกัน ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองมาดูกันว่า กางเกงในแต่ละประเภทนั้นมีแบบไหนกันบ้าง และจะเลือกอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับคุณผู้ชายกันครับ

ความสวยความงาม,ลดน้ำหนัก,การแต่งหน้า,อาหาร,การแต่งงาน,ผู้ชาย,สุขภาพ,แม่และเด็ก กางเกงในแบบขาสั้น หรือที่เราคุ้นกันว่า Boxer เป็นกางเกง ในไม่กระชับ ใส่สบาย แต่ไม่สามารถใส่เคลื่อนไหวมากนัก เช่น การออกกำลังกาย เป็นต้น ที่เป็นที่นิยมคนไทยอย่างเราๆ ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ส่วนมากจะมีความยาวครึ่งต้นขา ทั้งนี้กางเกงประเภทนี้กลายเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเทรนด์การใส่ Boxer นี้ได้ลามไปถึงผู้หญิงบางกลุ่มเรียบร้อยแล้ว
กางเกงในขาสั้นรัดรูป กางเกงรูปทรงนี้จะต่างจากแบบแรกตรงที่ว่ากางเกงในแบบนี้เพิ่มความกระชับให้ สะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้โอบอุ้มน้องชายของคุณผู้ชายมากนัก
Pouch boxer คือกางเกงในขาสั้นแบบกระชับอีกชนิดหนึ่ง ที่โอบอุ้มน้องชายของเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ก็จะพกความมั่นใจได้มากขึ้นเพราะความกระชับของกางเกงตัว นี้
กางเกงในยอดฮิต (1) กางเกงในแบบนี้เราคงเห็นมากันตั้งแต่จำความได้ เพราะกางเกงในประเภทนี้ในเมืองไทยมีหลายยี่ห้อหลายรูปแบบ แต่ปัจจัยที่จำเป็นต่อการเลือกนั้น คือ คุณภาพของเนื้อผ้า การระคายเคือง และที่สำคัญอย่าเลือกที่กระชับมากจนเกินไปนักเพราะอาจจะทำให้น้องชายของเจ้าของกางเกงเจ็บปวดได้ ทั้งนี้กางเกงในแบบนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ ความสบายตรงที่เปิดต้นขาสูง เอวต่ำ เพิ่มเสน่ห์ต่อสาวๆ ได้มากทีเดียว
กางเกงในยอดฮิต (2) รูปแบบนี้ อาจจะมีปัญหากับผู้สวมใส่บางท่าน เพราะขอบยางที่มีเฉพาะกางเกงในแบบนี้ทำให้ผู้สวมใส่บางท่าน เกิดการระคายเคืองเนื่องจากการเสียดสีระหว่างขอบกางเกงกับเนื้อของเราเมื่อเคลื่อนไหว ดังนั้นกางเกงในแบบนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมั่นใจในรูปร่างของตัวเองเท่าใดนัก
กางเกงในจีสตริง หากผู้หญิงมีจีสตริงเพื่อแสดงถึงความเซ็กซี่เล็กๆ สำหรับผู้ชายแล้วก็มีให้เลือกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะผู้ชายที่ต้องการความเซ็กซี่ก็สามารถเลือกใส่จีสตริงสำหรับผู้ชายโดย เฉพาะ ซึ่งหากท่านใดที่พกความมั่นใจจนล้นกระเป๋า พร้อมน้อมรับฉายา "ผู้ชายเซ็กซี่ที่สุดแห่งปี" กางเกงในประเภทนี้คงเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับคุณแน่นอน

aทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกซื้อกางเกงในแบบใด ยี่ห้อไหน สีอะไร สิ่งที่คุณผู้ชายหรือคุณแม่บ้าน (ในกรณีที่ซื้อฝากหัวหน้าครอบครัวหรือลูกชาย) ควรคำนึงถึงประโยชน์ในการสวมใส่เป็นอันดับแรกว่า การเลือกที่จะใส่กางเกงในแต่ละประเภทนั้น มันเหมาะสมกับเจ้าตัวหรือไม่ หรือมีความกระชับมากน้อยเพียงใด เพราะหากมองหาแต่ความสวยงามและยี่ห้อเป็นหลัก มีหวังคงต้องไปปรึกษาแพทย์ในภายหลังเพราะโรคเกี่ยวกับตรงนั้น... "น้อง ชายของคุณ"แน่นอน โดยเฉพาะโรคไส้เลื่อน ที่จะมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการใส่กางเกงในรัดแน่นจนเกินไป ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี อีกทั้งยังก่อให้เกิดเชื้อโรคที่หมักหมมได้อีกด้วย

ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

6 ท่าเต้นรำลดหน้าท้อง

6 ท่าเต้นรำลดหน้าท้อง

ชุดบริหารหน้าท้อง และเรียวขาให้เพรียวกระชับใหม่ล่าสุด ประยุกต์จากท่าเต้นรำ 6 ท่าที่แสน เรียบง่าย แต่เมื่อคุณเพิ่มจังหวะในการบริหารให้เร็วขึ้น เร่าร้อนขึ้น ประกอบดนตรีกระฉับกระเฉงหน่อย จะเร่งการเผาผลาญไขมันรอบเอว และที่หย่อนคล้อยแถมแก้มก้น และต้นขาให้แน่นกระชับในเร็ววัน แนะนะให้บริหารอาทิตย์ละ 4 ครั้ง ฝึกบริหาร 6 ท่าตามลำดับ ไล่เรียงทีละสเต็ปอย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนสัก 5 นาที และเปิดซาวนด์ประกอบ


ท่าเต้น 1 สะบัดสะโพก
ยืนตัวตรงหันปลายเท้าออก ยกส้นเท้าขวาขึ้น ขยับเข่าขวาออกข้างตัวเล็กน้อย เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างสะบัดออกเสมอไปทางด้านซ้ายของลำตัว เปลี่ยนข้างบริหาร หันมาเขย่งปลายเท้าซ้าย เอนเข่าซ้ายออกข้างลำตัวเล็กน้อยเหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปด้านขวาเหลี่ยงสลับซ้ายขวา ช้าๆ 5 ครั้ง และอย่าง รวดเร็ว 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : บริหารบ่อย ๆ กินตำแหน่งสาวเอวอ่อน กล้ามเนื้อสะดือแน่นสวย


ท่าเต้น 2 รูดผนัง

หันหลังพิงผนัง ปล่อยไหล่ตามสบาย ยื่นปลายเท้าทั้งสองข้างมาข้างหน้าแล้วทรงตัวยืนด้วยปลายเท้า ยกแขนไขว้กันพักไว้ที่อกกดสะโพกแนบผนังเบา ๆ แล้วยกดันกระดูกอุ้งเชิงกรานไปข้างหน้า บริหารซ้ำ 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : ขาแข็งแรง กล้ามเนื้อท้องส่วนกลางกระชับสวย


ท่าเต้น 3 ฟลามิงโกเขย่งเท้า

ยืนตัวตรง มือขวาเท้าเอว แขนซ้ายยกลอยขึ้นเหนือศีรษะ ยกขาขวาออกข้างลำตัวในลักษณะเข่าตั้งฉากเสมอสะโพก ปลายเท้าชี้ลงที่พื้นเอนลำตัวท่อนบนไปทางขวาเล็กน้อย ก่อนวางเท้ากลับลงที่พื้น ลำตัวตั้งตรง ยกเข่าลอยทำมุมฉากอีกครั้ง เอนลำตัวท่อนบนไปทางขวาเล็กน้อย สลับข้างบริหาร ข้างละ 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : กระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง


ท่าเต้น 4 สวิงเอว

ยืนในท่าขาเกือบชิด เข่างอเล็กน้อย สอดนิ้วทั้งสิบประสานกันที่หลังศีรษะ ขยับเอวหมุนเหมือนกำลังหมุนห่วงฮูล่าฮูปที่สะโพก ขณะหมุนให้เกร็งหน้าท้อง ก้น และกดข้อศอกไปข้างหลังเล็กน้อยหมุนสะโพกซ้าย 10 ครั้ง หมุนสะโพกขวา 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : เอวสะโพกกลมกลืนเร้าใจขึ้น


ท่าเต้น 5 ทวิสต์สะโพก

ยืนตัวตรง เข่าชิด เท้าเกือบชิด ปลายนิ้วมือขวาวางแตะไหล่ชวา ( ข้อศอกงอ ) มือซ้ายยกสูงขึ้นเหนือศีรษะ ทิ้งน้ำหนัก สะบัดสะโพกเอียงขวาพร้อมสะบัดหน้าไปทางขวา เปลี่ยนข้างบริหาร วางนิ้วมือซ้ายแตะไหล่ซ้าย มือขวายกสูงเหนือศีรษะ สะบัดหน้าไปทางซ้ายพร้อมทิ้งน้ำหนัก สะบัดสะโพกเอียงซ้าย บริหารช้า ๆ 10 ครั้ง เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : เอวสะโพกเข้ารูป เคลื่อนไหวกระฉับกระเฉง


ท่าเต้น 6 โล้ชิงช้า

นั่งคุกเข่า ก่อนก้าวเท้าขวาออกมาวางในท่างอเข่า 90 องศา ( ก้าวกว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ) มือสองข้างไหว้ประสานกันที่หลังสะโพก ร่างกายท่อนบนเหยียดตรง ค่อย ๆ เอนตัวมาข้างหน้าจนชิดต้นขาขวานิ่งสักครู่ เอนตัวกลับเหยียดตรง แล้วเอนไปข้างหลัง หยุดสักครู่แล้วเอนไปข้างหน้าอีก ระหว่างฝึกหน้าท้องและกล้ามเนื้อสะโพกจะเกร็งแน่น ทำซ้ำอีก 10 ครั้ง
สัดส่วนฟิต : กล้ามเนื้อหลังกระชับ หน้าท้องเข้าแนวสวย



ที่มา  http://www.tttonline.net

น้ำยาดับกลิ่นปาก จากธรรมชาติ

น้ำยาดับกลิ่นปาก จากธรรมชาติ

วันจันทร์

ลดน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์

 
ลดน้ำหนักตามหลักวิทยาศาสตร์
ปีแล้วปีเล่ากับความพยายามหลายครั้งในการลดน้ำหนักคุณพร้อมหรือยังที่จะบอกลาวิธีเดิมแล้วเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับใหม่ที่กำจัดไขมันได้รวดเร็วต่อไปนี้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว การควบคุม น้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติคือเรื่อง ที่ทำได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างตรงไปตรงมาดังประโยคที่ว่า “พลังงานที่กินเท่ากับพลังงานที่ใช้” การลดน้ำหนักจึงง่ายเหมือนการบวกลบเลข นั่นคือใช้ไปให้มากกว่ารับเข้าแต่ในความเป็นจริงสำหรับหลายคนไม่ได้ง่ายดาย หรือโชคดีแบบนี้ชีวิตคนมีความซับซ้อนมากกว่าการทำบัญชีหลายเท่า งานวิจัยมากมายพยายามไขปริศนาสลับซับซ้อนเกี่ยวกับไขมันที่สะสมในร่างกายเราโดยมีเดิมพันมูลค่าหลายพันล้านเหรียญหากคิดค้นยาลดความอ้วนชนิดใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพสำเร็จแต่งานวิจัยหลายฉบับกลับให้คำตอบที่ตรงข้ามกับสัญชาตญาณของหลายคน นั่นคือเราต้องปรับเปลี่ยนวิธีควบคุมอาหารใหม่ทั้งหมด
การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมต้องอาศัยการทำงานที่เหมาะสมของฮอร์โมนเลปตินซึ่งมีหน้าที่นำข้อความ “ฉันอิ่มแล้ว” จากเซลล์ไขมันไปส่งถึงสมองส่วนที่เรียกว่า ศูนย์ควบคุมความพึงพอใจ สมองส่วนนี้ยังตอบสนองต่อเรื่องเพศและยาบางชนิด เช่น โคเคนผู้ป่วยโรคอ้วนผลิตฮอร์โมนเลปตินจำนวนมากแต่สมองกลับตอบสนองอย่างไม่เหมาะสมปีที่ผ่านมานักวิจัยของสถาบันวิจัยออริกอนทดลองตรวจการทำงานของสมองผู้ป่วยโรคอ้วนพบว่าวงจรสมองเกี่ยวกับความพึงพอใจมีน้อยผิดปกติพวกเขาจึงต้องกิน
มากขึ้นเพื่อชดเชยความรื่นรมย์ที่ขาดหายไปกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการศึกษาบอกเราว่าคนอ้วนไม่ใช่คนตะกละอย่างที่เราเคยเข้าใจแต่พวกเขาได้รับความสุขจากการกินอาหารน้อยกว่าคนอื่นทั่วไป


มีหลักฐานจำนวนมากยืนยันว่าคนส่วนใหญ่ยอมรับการขึ้นลงของน้ำหนักตัวในช่วงเจ็ดถึงเก้ากิโลกรัมได้หากเกินกว่านี้จะเกิดความรู้สึกไม่พอใจคนผอมตามธรรมชาติที่พยายามเพิ่มน้ำหนักก็อยู่ในเกณฑ์นี้เช่นกันการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักจึงกลายเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะเมื่อร่างกายต่อต้านความต้องการของคุณกรณีของเลปตินเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดเนื่องจากทุกระบบในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนักทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ควบคุมความพึงพอใจ

ในเมื่อร่างกายต่อต้านความพยายามที่จะลดน้ำหนักคุณจึงควรเลิกวิธีลดน้ำหนักแบบเดิมแล้วหันมาใช้วิธีใหม่ที่พัฒนาจากงานวิจัยล่าสุดซึ่งเป็นวิธีที่สอดคล้องกับระบบของร่างกายจึงไม่ทำให้เกิดการต่อต้าน
ควบคุมอาหารวันเว้นวัน
การควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีลดพลังงานจากอาหารให้อยู่ประมาณ 1,500 แคลอรีต่อวันเป็นวิธีที่ยังใช้ได้ ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยให้น้ำหนักลดลง แถมยังมีสุขภาพดียิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอันตราย เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นๆ อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด และโรคติดเชื้อ ข้อเสีย ของวิธีนี้คือคุณจะรู้สึกหิวและทกุข์ทรมานตลอดเวลา จะดีกว่าไหมหากคุณสามารถได้รับประโยชน์ทุกอย่างของวิธีนี้โดยไม่ต้องอยู่ในภาวะกึ่งอดอยาก
เคล็ดลับสำคัญของเราคือการควบคุมอาหารแบบ “วันเว้นวัน” เมื่อปลายปีก่อน นักวิจัยของสถาบันความชราในสหรัฐฯ รายงานว่าเมื่อให้หนูทดลองกินอาหารเพียงเล็กน้อยในวันแรกสลับกับกินอาหารจำนวนมากในวันถัดไป พบว่าได้ผลเช่นเดียวกับการจำกัดอาหารทุกวัน ดร. เจมส์ จอห์นสัน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเรื่องนี้ กล่าวว่าหลักการนี้ใช้ได้ผลกับมนุษย์เช่นเดียวกัน
ทำไมวิธีนี้จึงได้ผล วิธีนี้นอกจากกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญไขมันยังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นเพิ่มการทำงานของยีนต่อต้านความชราสองชนิด คือยีนเอสไออาร์ที 3 กับเอสไออาร์ที 4 คนส่วนใหญ่กล่าวว่าใช้เวลาปรับตัวพอสมควรกับการกินวิธีนี้ แต่ไม่ลำบากเท่าการพยายามลดปริมาณอาหารทุกวัน
งานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยด์ทดลองให้ผู้ป่วยโรคอ้วนกินอาหาร ตามสูตรควบคุมอาหารวันเว้นวันเป็นเวลาสิบสัปดาห์ พบว่าน้ำหนักตัวลดลงตั้งแต่สี่ถึง13 กิโลกรัม เบื้องต้น นักวิจัยคาดว่าน้ำหนักอาจลดลงเพียงสองกิโลกรัม นอกจากนี้ยังพบว่าความดันโลหิต อัตราเต้นหัวใจ และคอเลสเตอรอลลดลงด้วย
ทำตัวเย็นเข้าไว้
คนรุ่นเก่าที่เคยมีประสบการณ์ลดน้ำหนักอาจเคยได้ยินคำว่า “ไขมันสีน้ำตาล” ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อไขมันที่ทุกคนถวิลหาไขมันสีขาวมีหน้าที่เก็บกักไขมันส่วนเกินไว้ในร่างกายแต่เนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาลทำหน้าที่เผาผลาญไขมันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีผู้สนใจไขมันสีน้ำตาลเนื่องจากนักวิจัยพบว่ามีอยู่น้อยในมนุษย์แต่พบมากในหนูทดลอง งานวิจัยล่าสุดในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ทำให้ไขมันชนิดนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากพบว่าผู้อยู่ในเขตอากาศหนาวเย็น ร่างกายจะสร้างไขมันสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นและสร้างสีขาวลดลง ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในอุณหภูมิ 22 องศาเซลเซียส ร่างกายจะสร้างไขมันสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นวันละ 27 กรัมเทียบกับผู้อยู่ในอุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส
ตรวจหาระดับเทสโทสเทอโรน (เฉพาะผู้ชาย)
หากคุณเป็นชายวัยกลางคนซึ่งพื้นที่ส่วนกลางกำลังขยับขยาย สาเหตุอาจไม่ใช่ออกกำลังน้อยหรือกินมากเท่านั้น คุณอาจมีฮอร์โมนเอสโทรเจนของผู้หญิงมากเกินไป
แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนเพศหญิง แต่ในความเป็นจริง ร่างกายเราทุกคนมีฮอร์โมนทั้งสองชนิด และใช้เทสโทสเทอโรนเป็นวัตถุดิบในการสร้างเอสโทรเจน ปัญหามักเกิดกับชายสูงวัย เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตเทสโทสเทอโรนลดลงและเปลี่ยนเป็นเอสโทรเจนเพิ่มขึ้น
ฮอร์โมนเอสโทรเจนส่วนเกินจะกระตุ้นร่างกายให้สะสมไขมันส่วนกลางลำตัวเพิ่มขึ้นไขมันที่สะสมมากในบริเวณนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ และยังทำให้เกิดวงจรเลวร้ายคือไขมันที่สะสมใหม่จะผลิตเอนไซม์เพื่อเปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็นเอสโทรเจน
วิธีตัดวงจรนี้คือการออกกำลังซึ่งกระตุ้นร่างกายให้ใช้พลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับบางคนที่ออกกำลังไม่ค่อยไหวเนื่องจากเทสโทสเทอโรนในร่างกายต่ำเกินไปการกินฮอร์โมนเสริมเป็นอีกทางเลือก แพทย์จะสั่งจ่ายฮอร์โมนเสริมให้ในรายที่ตรวจพบว่ามีระดับต่ำมากจริงๆ นอกจากนี้ควรหยุดดื่มแอลกอฮอล์ หากตับต้องรับหน้าที่หนักในการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายประสิทธิภาพในการกำจัดเอสโทรเจนส่วนเกินย่อมลดน้อยลงไปด้วย
สัมผัสแดดโดยไม่ทาครีมกันแดด (หรือกินเสริม)
วิตามินดีคือสารอาหารระดับดาวเด่นตัวใหม่ มีข้อมูลยืนยันว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ เบาหวานมัลติเพิล สเคลอโรซิส และข้ออักเสบรูมาตอยด์ ขณะนี้พบว่าอาจช่วยลดน้ำหนัก
กลางปี 2551 งานวิจัยในอาสาสมัครกลุ่มเล็กเพียง 38 คนของมหาวิทยาลัยมินเนโซตาระบุว่าผู้ที่มีวิตามินดีในกระแสเลือดสูงจะลดน้ำหนักได้มากกว่า ระดับวิตามินดีในเลือดที่สูงขึ้นทุกหนึ่งนาโนกรัมต่อมิลลิลิตรจะลดน้ำหนักได้เพิ่มหนึ่งในสี่กิโลกรัม
การศึกษาหลายฉบับยังพบอีกว่าระดับวิตามินดีในเลือดสูงช่วยลดโอกาสเป็นโรคอ้วนผู้เชี่ยวชาญหลายคนตอบตรงกันว่า สำหรับเหตุผลของเรื่องนี้จำเป็นต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม แต่ขณะนี้มีทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจจากอิมพีเรียลคอลเลจ กรุงลอนดอน ซึ่งอธิบายว่าแสงแดดคือแหล่งสำคัญของวิตามินดี หากวิตามินดีในเลือดมีระดับต่ำ ร่างกายจะคิดว่าฤดูหนาวกำลังมาเยือนจึงเร่งสะสมอาหารและพลังงานในร่างกาย
ปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันยังเป็นประเด็นที่ถกเถียง คำแนะนำอย่างเป็นทางการคือควรได้รับวันละ 200หน่วยสากล แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะให้กินถึงวันละ 1,000 หรือ 2,000 หน่วยสากลหากได้รับวันละ 1,000 หน่วยสากลต่อเนื่องหลายเดือน ระดับวิตามินในเลือดจะสูงขึ้นสิบนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งหมายความว่าน้ำหนักตัวของคุณจะลดลงอีกสองกิโลกรัมนอกเหนือจากที่คาดไว้
จงภูมิใจในความอ้วน
การมีน้ำหนักเกินไม่ได้หมายความว่ามีสุขภาพแย่เสมอไป งานวิจัยสำคัญจากวารสารการแพทย์แลนเซ็ตในปี 2550 พบว่า ร้อยละ 30 ของคนอ้วน (หมายถึงผู้มีดัชนีมวลกาย 30 หรือมากกว่า) มีระบบเผาผลาญเป็นปกติรวมถึงความดันโลหิต คอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ระดับปกติ
นอกจากนี้ ร่างกายยังตอบสนองต่ออินซูลินตามปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเคยคิดว่าไม่น่าจะเป็นจริงในคนอ้วน
กล่าวโดยสรุปคือมีคนอ้วนราวหนึ่งในสามที่ถูกรบเร้าให้ลดน้ำหนักตลอดเวลาทั้งที่ไม่มีความจำเป็น บางครั้งอาจทำให้เกิดอันตรายด้วยซ้ำ
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยมอนทรีอัลทดลองเปรียบผลของการกินอาหารพลังงานต่ำในคนอ้วนที่ร่างกายมีระบบเผาผลาญปกติกับคนอ้วนที่มีความเสี่ยงต่อโรค ผลสรุปว่าภาวะดื้ออินซูลิน (ดัชนีบ่งบอกโรคเบาหวาน)ดีขึ้นร้อยละ 26 ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง แต่กลุ่มที่ระบบร่างกายปกติกลับมีภาวะดื้ออินซูลินแย่ลงร้อยละ 13
ดังนั้น หากดัชนีมวลกายของคุณสูงถึงระดับอันตราย แต่คุณยังกินอาหารตามปกติ ออกกำลังสม่ำเสมอ และรู้สึกสบายดี คุณก็ควรไปเจาะเลือดเพื่อตรวจระบบการเผาผลาญของร่างกาย หากทุกอย่างอยู่ในระดับปกติ น้ำหนักตัวอาจไม่ใช่ปัญหาของคุณอีกต่อไป

ข้อมูลจาก Reader’s Digest , เดือนพฤษภาคม 2553
 
ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com

ตารางเวลาสำหรับการลดน้ำหนัก

 
ตารางเวลาสำหรับการลดน้ำหนัก
ผู้หญิงเรามีกลไกที่เรียกว่านาฬิกาชีวิตซึ่งหากจัดให้ดีจะมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักอยู่มากค่ะ

กลไกเวลาในชีวิตเราๆ ช่วยให้เราอาจช่วยลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นค่ะ ทราบไหมคะ ว่าร่างกายคนเรามี Biological clock หรือนาฬิกาชีวภาพ ที่ตั้งเอาไว้ว่าเราควรตื่นเวลาไหน นอนเวลาไหน เห็นได้ชัดจากคนที่ทำงานกลางคืน นอนตอนกลางวันจะมีสุขภาพไม่ดีเท่ากับคนที่นอนตอนกลางคืนตามปกติ

ประยุกต์ความรู้เรื่องนาฬิกาชีวภาพกับการลดน้ำหนักของคุณเนื่องจากร่างกายคนเรามีการจดจำเวลา และสามารถทำงานได้ดีเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ความรู้ในเรื่องดังกล่าว จึงสามารถนำมาประยุกต์กับการลดน้ำหนัก เคล็ดลับดีๆ จาก พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลดน้ำหนักและความงามค่ะ

การพักผ่อนและตื่นแต่เช้าจะช่วยให้ร่างกายของคุณจดจำเวลาและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เวลา 7 โมงเช้าเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการมีเซ็กส์ ทั้งนี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรนสูงสุด ไม่เฉพาะแต่ผู้ชายแต่ยังรวมไปถึงฮอร์โมนตัวดังกล่าวซึ่งมีอยู่ในผู้หญิงด้วยเช่นกัน การมีเซ็กส์ตอนเช้าสัก 30 นาที ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 100 แคลอรี่ หัวใจเต้นสูบฉีดเร็ว ผิวพรรณผ่องใส ก่อนอาบน้ำไปทำงาน ลดน้ำหนักได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เวลา 8 โมงเช้าถึงเวลาของอาหารเช้า ซึ่งร่างกายหลับพักผ่อนต่อเนื่องมานานถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้น อาหารที่เหมาะสำหรับมื้อเช้า จะเป็นอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะแต่แป้ง เพราะอันที่จริง คาร์โบไฮเดรตที่ดีควรมีค่าไกลซีมิก อินเดกซ์ (Glycemic Index) หรือค่า GI ต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการที่มีการดูดซึมช้า และจำไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงปรู๊ดปร๊าดเหมือนพวกขนมเค้ก ขนมปังทาแยม ที่มีค่า GI สูง อันจะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้น ก่อนลดลงอย่างรวดเร็วในทันที ทำให้ความหิวมาเยือนแทน ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ แถมหากทานเยอะเกินไปอาจทำให้คุณมีปัญหาเรื่องน้ำหนักแทน
ผู้หญิงเราๆ พึงตระหนักว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญอย่างมากในช่วงของการลดน้ำหนัก หากคุณอดอาจทำให้คุณต้องการพลังงานอย่างมากในอาหารมื้อถัดไปทันที

คุณอาจเริ่มต้นมื้อเช้าด้วยข้าวโอ๊ต หรือข้าวกล้องต้มโดยไม่ต้องมีกับอย่างอื่น สำหรับผู้หญิงวัย 30 อัพ แนะนำผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น มะละกอ ส้มโอ ทั้งนี้เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตที่ดี ไม่มีไขมันสูง และยังมีค่า GI ต่ำ รวมถึงเส้นใยอาหารสูง ซึ่งช่วยต่อระบบขับถ่าย และที่สำคัญ การทานผลไม้ในมื้อเช้า จะช่วยกระตุ้นให้ไทรอยด์ฮอร์โมนทำงานได้ดีตลอดทั้งวันเร่งเมตาบอลิซึมให้คุณเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่ และดีต่อโปรแกรมการลดน้ำหนักของคุณ
เวลา 11 โมงเช้างานวิจัย พบว่าช่วงสายๆ ก่อนมื้อเที่ยง เป็นช่วงที่เรามีความเครียดสูงสุด เพราะต้องเร่งรีบตื่นนอน ลุ้นมาทำงานว่าทันหรือไม่ หรือส่งลูกทันหรือไม่ ทำให้มีความเครียด ดังนั้น เราอาจโหยหาของหวาน แทนที่น้ำหนักของคุณจะลด กลับพุ่งพรวดแทน ทางที่ดีลองหยิบกระดาษจับปากกามาขีดเขียน วางแผนว่าคุณจะทำอะไรวันนี้ จะไปซื้อกับข้าวอะไร ดูตารางนัดว่าจะออกกำลังกายตอนไหน ให้ใช้ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาวางแผนรวมถึงเตรียมอาหารในมื้อถัดไป ในมื้อกลางวันหรือมื้อบ่าย อาหารที่เหมาะกับการลดน้ำหนักอาจเน้นไปที่อาหารประเภทน้ำอย่างก๋วยเตี๋ยว หรือเกาเหลาจะช่วยให้ผู้หญิงเราอิ่มท้องได้ง่ายและไวค่ะ
เวลา 13.00 น.หลังทำงานได้สัก 4-5 ชั่วโมง คุณจะเริ่มรู้สึกหิว เวลารับประทานกลางวัน ควรยืดมาเป็นบ่ายโมงจะดีกว่าตอนเที่ยง เพราะจะทำให้ระยะเวลาที่คุณขาดอาหารตอนบ่ายไม่ยาวนานนัก อาหารกลางวันที่ดีที่สุดในช่วงลดน้ำหนักหรือไดเอ็ต หนีไม่พ้นซุป แกงจืด ผักรวม หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำ เน้นเป็นน้ำเข้าไว้ ทั้งเส้นหมี่น้ำ สุกียากี้ เกาเหลา เย็นตาโฟ ซุปแบบไทยๆ เราจะช่วยให้คุณอิ่มท้อง เพราะสมองเราใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการรับรู้ว่าอิ่ม หากรับประทานซุปหรือแกงจืดโดยเคี้ยวนานหน่อยจะช่วยให้คุณอิ่มโดยไม่ต้องไปรับประทานอย่างอื่นต่อ
เวลา 16.00 น.หลังอาหารกลางวันมา 3 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลงอีกครั้งหนึ่ง เป็นช่วงที่คุณรู้สึกหิวโหย ต้องวางแผนกันล่วงหน้าว่าจะกินอะไร ซึ่งหากไม่ได้วางแผน คุณอาจหยิบกล้วยแขกทอด โรตี ขนมเค้ก คุ้กกี้ ที่เก็บไว้มาทาน ทางที่ดีควรเลือกรับประทานผลไม้สด แอปเปิ้ลสักหนึ่งผล ส้มสักลูก หรือผลไม้แห้งอย่างอินทผลัมที่มีพลังงานสูง และทำให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหาร (Fiber) แต่ขอให้จำกัดจำนวนราว 1-2 ลูก ตามตำราฝรั่งจะแนะนำพวกถั่วหรือลูกนัท เช่น แอลมอนด์ หรือวอลนัท ซึ่งมีคุณค่าสูง แต่ต้องระวังเรื่องพลังงานส่วนเกิน แนะนำให้ทานครั้งละ 5 เม็ดเท่านั้น ก็จะช่วยให้คุณพออยู่ท้อง
ช่วงประมาณ 17.30 น. ร่างกายคุณจะสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดีกว่าเวลาอื่นๆ ค่ะ
เวลา 17.30 น.เหมาะที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย เพราะนาฬิกาชีวภาพในตัวเรา ตั้งให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดี คุณจึงมีความแข็งแรง ออกกำลังกายได้ทนทาน อย่างไรก็ตาม หากคุณเหนื่อยล้าจากการทำงานจนไม่อยากเข้ายิม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์ หยอดลงบนแขนแล้วสูดดม กลิ่นมิ้นท์จะช่วยให้คุณโล่งจมูก เพิ่มประสิทธิภาพของการหายใจที่ปิด และทำให้คุณเหนื่อยน้อยลง ช่วยให้โปรแกรมการลดน้ำหนักของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เวลา 20.00 น.เป็นเวลาที่คุณควรหาเวลาคลายเครียดให้ตัวเอง (ไม่ใช่โดยการรับประทานนะคะ) โดยการผ่อนคลาย เช่น การนั่งฟังเพลงสบายๆ เบาๆ แช่น้ำอุ่น หรือจุดเทียนหอม น้ำมันหอมระเหยไว้ในห้องนั่งเล่น มีเสียงเพลงเบาๆ ปิดทีวีที่รบกวนโสตประสาทจะช่วยให้คุณอิ่มอกอิ่มใจ ไม่โหยหาอาหารและขนมหวาน
ปิดท้ายกับการเข้านอนไม่ดึกเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับกการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และมีพลังสำหรับวันถัดไป
เวลา 22.00 น.เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการนอนหลับพักผ่อน เพราะนาฬิกาชีวภาพเราเขาตั้งไว้อย่างนั้น หากคุณนอนน้อยไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง ร่างกายก็จะผลิตสารเลปติน (Leptin) น้อยลง ซึ่งเลปตินมีบทบาทในการควบคุมความอยากอาหาร หากมีเลปตินมากคุณก็จะไม่โหยหาอาการ เพราะฉะนั้น ยิ่งอดนอน เลปตินก็จะมีน้อย คุณก็จะจะอยากทานขนมหวาน และอาหารมันๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้น จึงควรพยายามจัดเวลานอนให้เร็วและตื่นเช้า การนอนพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก ปรับสมดุลของฮอร์โมน คุณจึงตื่นมาด้วยความสดชื่นและพร้อมจะออกกำลังกายในวันใหม่

ลองปฏิบัติการจัดเวลาในชีวิตคุณดูนะคะ เชื่อว่าจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโปรแกรมลดน้ำหนัก ได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ
 
ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com

หึง..เพราะเขามองหญิงอื่น

หึง..เพราะเขามองหญิงอื่น
ยอมรับซะเถอะว่า บางครั้งคุณสาว ๆ ทั้งหลายก็เกิดอาการหึงขึ้นมาเพราะว่าเขาชอบมองผู้หญิงอื่นเป็นประจำ ทั้งๆ ที่ปรกติอาจจะไม่ใช่คนขี้หึงขี้หวงขนาดว่าไม่ยอมให้เขากระดิกตัวทำอะไรเลย เต่สิ่งที่เราอาจจะต้องยอมรับอีกข้อว่า ผู้ชายส่วนใหญ่นั้นเขามียีนบางอย่างอยู่ในตัว ยีนที่ทำให้คอเขาเอียงไปมองหญิงสวย น่ารัก เซ็กซี่ ดูดี ฯลฯ ที่ผ่านเข้ามาในเรดาร์สายตาเสมอๆ ไม่ยกเว้นแม้ตอนที่อยู่กับเรา อาจจะไม่ใช่การหันไปมองแบบคอแทบหัก แต่แค่เหลือบแล แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้หญิงสาวอย่างเราๆ หลายคนเจ็บปวด ที่สำคัญก็คือว่า ตั้งแต่เริ่มต้นคบกันจนถึงแต่งงานแล้ว บางคนก็ยังเลิกนิสัยอย่างที่ว่าไม่ได้สักที
การหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น รวมทั้งการคาดคั้นให้เลิกเสียทีอาจจะเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ทางออกสำหรับสาวๆ คือ หากว่าคราวหน้าระหว่างที่เดินจูงมือเราช็อปปิ้งอยู่นั้นสายตาของเขาก็ยังทำหน้าที่แสกนผู้หญิงอื่นที่ผ่านไปมาตลอดโดยไม่เกรงใจเราสักนิดทำอย่างไรเราจึงจะไม่รู้สึกรู้สม ไม่ปวดใจจี๊ด ไม่ชวนทะเลาะ ไม่หึงจนร้อนเป็นไฟ
ยอมรับซะ นิสัยผู้ชาย
เป็นธรรมดาที่ใครๆ ก็รักหรืออยากมองและชื่นชมของสวยๆ งามๆ หรือดึงดูดใจทั้งนั้น การที่เขามองหญิงอื่นอาจจะทำให้เรารู้สึกว่า เขาไม่รักหรือว่าตัวเราไม่ดึงดูดใจพอ อย่า…ไปคิดอย่างนั้นเลยปวดใจเปล่าๆ จริงๆ แล้วการมองหญิงอื่นของเขานั้น อาจจะไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าการชื่นชมของสวยงามเหมือนการชมงานศิลปะหรืออะไรทำนองนั้น สำหรับผู้ชายบางคนนั้นเขาก็บอกว่า นิสัยนี้มันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ เกิดขึ้นเอง เป็นธรรมชาติเหมือนกับการหายใจ คราวหลังหากเขามองคุณก็มองมั่ง แล้วคุยกับเขาตรงๆ ว่า เขามองทำไม มองตรงไหน เธอคนนั้นดึงดูดใจอย่างไร หรือคราวหน้าก็อาจจะเป็นคนชี้ชวนเขาก่อนก็ได้ว่าแล้วคนนี้ล่ะน่ารักไหม… คุยกันให้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปซะ คุณอาจจะเข้าใจเขามากขึ้นระหว่างคุยกันคุณอาจจะให้บทเรียนเขาสักหน่อยมองหญิงแบบไหนเรียกว่า “สุภาพ” แบบไหน “หยาบคาย”
มองต่อหน้าดีกว่าแอบทำลับหลัง
คิดในแง่ดีว่า เขาก็แค่มองเท่านั้นแหละ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย (ขืนทำมากกว่านี้ก็เป็นเรื่องแน่เธอจ๋า…) หนุ่มหลายๆ คนบอกว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของพวกเขาไม่มีความหมายอะไรก็แค่อยากมอง …หากสาวเราไม่ยอม รับไม่ได้สั่งห้ามมองหญิงอื่นเด็ดขาด เขาอาจจะทำเป็นไม่มองหญิงอื่นต่อหน้าคุณ แต่กลับไปแอบทำลับหลัง แล้วก็โกหก ปิดบังคุณไว้ เราจะเชื่อได้เหรอว่าลับหลังเราน่ะเขาจะแค่มองเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ปล่อยๆ ให้เขาชื่นชมและสังเกตสาวๆ รายทางด้วยสายตาไปเถอะ บางครั้งเราเองก็ไม่อยากให้เขารู้สึกว่า มีแฟนหรือแต่งงานแล้วเหมือนกับติดคุก เพราะทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้าเขารู้สึกอย่างนั้นก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ที่ตามมาอาจจะเป็นปัญหาที่เกิดคาดทีเดียว …ใช่ไหมล่ะ
เหล่หนุ่มคนอื่นบ้าง
ในเมื่อเขามองสาวๆ คนอื่นได้ พวกเราก็มีสิทธิที่จะมองหนุ่มที่ผ่านมาซ้ายขวาได้เหมือนกัน เพราะว่าผู้หญิงเราก็ชื่นชมสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เหมือนกัน ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อหน้าอก หรือมือที่แข็งแรง หรือรูปร่างดีๆ ในชุดแต่งกายที่เหมาะสมของหนุ่มๆ หรือหน้าตาหล่อๆ .. แค่มองเฉย ๆ นะไม่มีความหมายอะไรเหมือนกัน คราวนี้หนุ่มของคุณอาจจะหนาวๆ ร้อนๆ เป็นฝ่ายชวนทะเลาะเพราะความหึงก็ได้ .. คราว

ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com

หนุ่มเทใจให้สาวแบบไหน

หนุ่มเทใจให้สาวแบบไหน
ว่ากันว่าแฟนสาวในทรรศนะของหนุ่มๆ น่ะ หากมีคุณสมบัติต่อไปนี้ ก็ยกให้เลย สุดยอดแฟนสาวที่หนุ่มทั้งหลายปรารถนา ได้แก่...แอ่น แอ๊น
1. สาวที่ไม่ป้อแป้, รู้จักคิดและพึ่งตัวเองได้ ...น่าจีบเป็นแฟนนักเชียวหญิงใดสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวของเธอสลับกับเอาใจใส่แฟนพร้อมกันไปด้วย นี่สิน่าเอาตัวไปเกี่ยวดองด้วยจัง แล้วถ้าไปถามผู้ชายส่วนใหญ่ ว่าชอบผู้หญิงที่หวังแต่จะพึ่งเค้าทุกอย่างไหม? หากชอบก็ตลกแล้ว เพราะเท่ากับหล่อนพึ่งตัวเองไม่เป็นเลยน่ะสิ ยกเว้นให้ชอบชั่วครู่ชั่วยามน่ะชอบอยู่แล้ว ใครว่ะจะไม่ชอบผู้หญิงช่างฉอเลาะและทำเป็นอินโนเซนต์แถมอยู่ในวัยเอ๊าะๆ กว่าเค้าบ้างล่ะ
แต่สำหรับหนุ่มที่มองหาแฟนอย่างจริงจัง รับรองไม่อยากได้แฟนแบบปลิงที่คอยเกาะเค้าทั้งปีทั้งชาติหรอก อยากมีแฟนที่สามารถผลัดกัน "พึ่งพาอาศัย" ซะมากกว่า ยิ่งเศรษฐกิจยุคนี้ ขืนรอให้เค้าเลี้ยงก็รอไปเหอะ เพราะแม้แต่เค้าบางที อาจยังเลี้ยงตัวเองไม่ รอดเลย แล้วนับประสาอะไรจะไปเลี้ยงใครได้อีก ดังนั้น เวิร์กกิ้ง วูแมนนี่แหละยอดปรารถนาล่ะ
2. แฟนสาวควรให้อิสระปล่อยให้หนุ่มๆ มี "พื้นที่ส่วนตัว"  บุรุษอยากมีแฟนที่รู้จักผ่อนปรนและปล่อยให้เค้าใช้เวลาส่วนตัว ไปมีกิจกรรมเริงร่าท้าทายในสังคมภายนอกบ้าง เพราะเค้าไม่ชอบความสัมพันธ์แบบ "ร้านสะดวกซื้อ" คือ ต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ร้อก....แต่ตรงนี้ขอยกมือสงสัยจ้ะ ว่าสาวดีๆที่ไหนอยากยึดติดอยู่กะเค้าทุกเสี้ยววินาทีของชีวิตนะ เว่อไปเรอะเปล่าหึ คิดเองเออเองมั้งเนี่ย โถ....ถ้าอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนคงอึดอัดแฮะ
อีกประการผู้หญิงก็อยากมีโลก ส่วนตัวเหมือนกัน แม้จริงอยู่ที่บางทีสตรีเพศก็ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ แต่ของพรรค์นี้ ผู้หญิง "ที่คิดเป็น" รู้หรอกว่า ศิลปะในการครองคู่ ควรมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ใช่หวังได้คืบจะเอาศอกเสมอไป จึงขอประท้วงค่ะ ท่านประธาน!
ฉะนั้น ถ้าสาวใดเอาแต่เกาะชายกางเกงเค้าอยู่ได้ โดยไม่ปล่อยให้เค้าไปโลดแล่นในโลกยุทธภพตามลำพังซะบ้าง ก็รู้ไว้เหอะ เค้าไม่คว้ามาเป็นแฟนให้ "เป็นห่วงคล้องคอและ กขค." หรอก
3. ไม่ขี้โวยวาย หรือกระต่ายตื่นตูม สงบเยือกเย็นในทุกสภาวะถามว่าสาวแบบไหนที่ผู้ชายไม่ชอบน่ะเหรอ? เค้าไม่ชอบสาวที่ ก.เอาแต่ร้องไห้และฟูมฟายโดยไม่ มีสาเหตุ เออ...แล้วร้องทำไมฟะ และ ข.สาวที่หวาดระแวงแฟนหนุ่มของตัวตลอดเวลาน่ะซี จำไว้เถอะ ว่าเค้าชอบผู้หญิงที่สามารถไว้วางใจได้ ไม่ใช่มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอะอะโวยวายไว้ก่อน รวมทั้งไม่ควรช่างสงสัยและบีบให้ต้องรายงานความเป็นไปกันทุกวินาทีตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน เพราะเหนื่อยนะ หากมีแฟนแบบนี้ ใครชอบก็ช่างแต่ตูไม่ชอบละกัน มีปัญหามะ
4. สาวที่ชื่นชมในสิ่งที่ผู้ชายสนใจ ย่อมได้คะแนนพิศวาส ถ้าชายสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเค้าชอบให้หญิงคล้อยตามไปด้วยได้ นั่นแหละใช่เลย ลองคิดถึงใจเค้าใจเราละกันน่ะว่า ถ้าน้องหนูชอบอะไร คงอยากให้เค้าชอบในสิ่งที่หนูชอบด้วยใช่มะ แต่ไม่ต้องคลั่งไคล้เท่ากันเป๊ะๆ เช่น ถ้าเค้าชอบดูฟุตบอล แฟนสาวก็ควรชอบด้วยงั้นเรอะ? เอ้าก็แน่ละสิ เค้าจะได้คุยถึงกีฬาประเภทนี้ กับแฟนได้ ไม่ต้องรอเก็บไปคุยกับเพื่อนเท่านั้นไง เป้าหมายก็อยู่ตรงนี้เอง แต่ไม่ต้องรู้ลึกจนละเอียดยิบ ขืนรู้มากกว่าก็ไม่เหมาะอีก เฮ่อ...เอาใจยากเนอะ
5. เห็นด้วยว่า เซ็กส์คือการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นฉะนั้น ถ้าสาวใดทำให้ชายรู้สึกเกิดความปรารถนาหล่อนสุดเหวี่ยง แถมยังทำให้เค้าประทับใจในค่ำคืนแห่งการแสดงฉากอีโรติกด้วยละก็ นี่แหละคือสุดยอดแฟนที่เค้าใฝ่ฝันล่ะ

ขอบคุณหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ
ขอบคุณ www.pooyingnaka.com

4 หนุ่มต้องห้าม กับการคบเป็นแฟน

Bookmark and Share


4 หนุ่มต้องห้าม กับการคบเป็นแฟน


ใครที่กำลังจะคบ 4 หนุ่มนี้ ต้องคิดดีๆนะคะ

1. แฟนเก่าเพื่อนซี้ : ถึงเค้าจะเลิกกันแล้วก็ไม่ควร คุณคิดว่า ถ้าคุณคบกับเค้า แล้วเพื่อนซี้คุณยังจะคบคุณเหรอ มิหนำซ้ำ อาจจะโดนมองว่า เป็นมือที่3ก็ได้ และเพื่อนๆในกลุ่ม คงไม่ปล่อยให้คุณ มีความสุขกับเค้าหรอก
2. เพื่อนซี้แฟนเก่า : เลิกกันทั้งที่ฝากรอยแค้นไว้ โดยการคบกับเพื่อนซี้สุดๆ ที่เค้าคบกันมาตั้งแต่อนุบาล ถ้าใครคิดจะทำ ล้มเลิกความคิดซะมันไม่ดีเลย อยากให้ถามตัวเองว่า นอกจากความสะใจแล้ว ยังได้อะไรอีกไหม นอกจากการที่ต้องคบกับคนที่ไม่ได้รัก แล้วคุณอาจเป็นตัวกลาง ให้เพื่อนเค้าเลิกคบกันก้อได้
3. เพื่อนชายสุดซี้ : การที่เปลี่ยนจากเพื่อนรัก มาเป็นคนรักข้อดีมันก็อยู่ตรงว่า เรารู้ใจกันและกันดี ข้อเสียมันก็มี คือ คุณ2คน ยังมีความรู้สึกแบบเดิม คือ เป็นเหมือนพี่น้อง ถ้าจะให้มาทำโรแมนติกใส่กัน มันคงเป็นไปไม่ได้ และสุดท้ายความรักของคุณ ก็จะไม่สมหวัง และถ้าเลิกกันแล้ว ก็อาจมองหน้ากันไม่ติดเช่นเดิม
4. เจ้านายตัวเอง : ถ้าคิดอยากอยู่อย่างมีความสุข ควรเอาผู้ชายคนนี้ขึ้นบัญชีดำไว้เลย แรกเริ่มคือทุกคนในที่ทำงาน เค้าจะนินทาได้ว่าจับเจ้านายเพื่อไต่เต้า แต่ถ้าปิดเงียบ ก็หาว่ามีป๋าดัน และสุดท้าย คุณก้อต้องเสียทั้งงานและคนที่คุณรักด้วย
ตอนแรกเราอาจจะคิดว่าไม่เป็นไร แต่ตอนเลิกกันนี่สิ จะมองหน้ากันติดรึเปล่า ไม่มีคนปลอบ แถมมีคนซ้ำเติมอีกต่างหาก

ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com

ผู้หญิง 8 บุคลิกที่มีแนวโน้มจะขึ้นคาน

ผู้หญิง 8 บุคลิกที่มีแนวโน้มจะขึ้นคาน
สำหรับผู้ชายไม่มีอะไรที่จะมีความสุขเท่ากับการควงสาวอีกแล้ว แน่ล่ะ…พอพวกเขาอยากควงใคร สิ่งที่ควรทำลำดับต่อไปก็คือหาทางทำความรู้จักเธอให้ได้ ถ้าเธอมีเสน่ห์เย้ายวนน่าสนใจ หรือพวกเขารู้สึกถูกคอด้วยก็คงจะหาทางพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป แต่หากพวกเขาพอหญิงสาวประเภทนี้คำแนะนำเลยว่าอย่าเสียเวลาอีกต่อไป
1.บงการและควบคุมทุกอย่าง
นิยามง่ายๆ ของสาวประเภทนี้ก็คือสาวเผด็จการนั้นเอง เธอจะชอบชี้นิ้วสั่งบงการพวกเขาอยากได้อะไร เมื่อไหร่ พวกเขาเหล่านี้ก็สรรหามาให้เธอ คำแนะนำสำหรับการจีบเธอสาวประเภทนี้ก็คือหัดใช้คำพูดว่า “ได้จ๊ะ” ให้ชินปาก
2.สนใจแต่ผลประโยชน์
 เข้าทำนองว่าถ้าพวกเขามีค่าฉันคบ ถ้าเขาหมดเท่าไร้ราคาฉันเลิก นั่นแหละหญิงสาวประเภทนี้น่ากลัวมากๆ เธอจะให้ความสนใจเฉพาะเพียงคนที่สนองความต้องการของเธอเท่านั้น คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภ?นี้ก็คือเขาภาวนาตัวเองถูกล๊อกเตอรี่รางวัลที่ 1 เพื่อจะตอบสนองความต้องการของเธอได้ทุกอย่าง
3.ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ต่อให้เธอสวยงานสักปานใด แต่ถ้าเธอไม่กล้าคิด ไม่กล้าตัดสินใจเอง จิตใจวอกแวก ลังเลมันก็น่ารำคาญเสียจริง ดีไม่ขนากของกินของใช้ยังเปลี่ยนใจไปมาเลย แล้วกันพวกเขาเธอจะไม่ลังเลหรือ? คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ ให้พวกเขาเริ่มไม่เป็นของตัวเองก่อนด้วยจากเธอมาซะ
4. ขี้เหนียว
สาวประเภทนี้ไม่รู้ว่าจะเคยพกกระเป๋าสตางค์ออกจากบ้านหรือเปล่า ? คติพจน์ประจำของเธอก็คือ “กินได้ จ่ายไม่เป็น” แน่ล่ะ ถ้าพวกเขาจีบเธอก็ต้องเป็นพวกเขาน่ะสิที่ต้องเป็นฝ่านควักกระเป๋าจ่าย คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ สังเกตว่าคนอื่นเรียกพวกเขาว่าอะไร ถ้าไม่มีคำว่า “เสี่ย หรือ เฮีย” นำหน้าก็ถอยดีกว่า
5. เรื่องมากเอาใจยากสาวประเภทนี้ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามทำอะไรให้เธอสิ่งที่ตอบแทนกลับมามี เพียงความไม่พอใจนั้น ก็เหมือนกับการตักน้ำเทใส่ตุ่มที่รั่ว ย่อมไม่มีวันที่จะเต็มขึ้นมาได้อย่าแน่นอน คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ หันมาเอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นดีกว่าไม่ซ้ำใจด้วย
6. เห็นแก่ตัวถ้ารักผู้ชายยึดมั่นคติพจน์ที่ว่า “ความรักคือการเสียสละ” ล่ะก็พวกเขาจะพบว่าบางครั้งมันก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน ก็เธอออกจะคิดว่าตังเองเป็นศูนย์กลางจักวาลขนากนั้นเลย เธอจะไปคิดถึงหัวใจใครล่ะ คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือ ลบคติพจน์แห่งความรักประจำใจขางต้นไปเสียเลย
7. ไม่มีเหตุผล
สาวประเภทนี้อายุมากขึ้นแต่จิตใจกลับไม่ยอมโตตามแฮะ ถ้าพวกเขาลองคบเป็นแฟนล่ะก็สัมพันธภาพของเขากับเธอมีหวังลุ่มๆ ดอนๆ เป็นแน่ คำแนะนำสำหรับการจีบสาวประเภทนี้คือเสาะหาโรงพยาบาลโรคประสาทดีๆ สักแห่ง ไม่ใช่สำหรับส่งเธอเข้าไปหรอกนะ แต่เป็นพวกเขานั่นล่ะแหละที่จะเครียดกับความไร้เหตุผลของเธอ
8. ขี้บ่น แม้โดยธรรมชาติของผู้หญิงแล้วมักจะขี้บ่นชอบพูดจาเจื้อยแจ้ว แต่ลองสาวไหนพูดได้ทั้งวันแต่ได้พูดจาฉอเลาะให้พวกเขาชื่นใจ กลับเป็นการหาเรื่องบ่นได้ทุกเรื่อง ไหนจะด่าพวกเขาอีกถ้าพวกเขาสร้างความไม่พอใจให้เธอ คำนะนำการจีบสาวประเภทนี้คือหาซื้อไอพอลดีๆ สักเครื่อง จะได้เอาไว้อุดหูเวลาที่เธอบ่นน่ะ

ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com

5 อาการของผู้ชาย เมื่อเริ่มคิดนอกใจแฟน

5 อาการของผู้ชาย เมื่อเริ่มคิดนอกใจแฟน
เคล็ดลับในการสังเกตพฤติกรรม และคำพูดบางอย่าง ซึ่งบอกได้ว่าหวานใจของคุณอาจกำลังมีคนอื่น หรือเริ่มที่จะแหนงหน่ายชีวิตคู่กับคุณแล้ว รู้ไว้ก่อน จะได้ตัดไฟแต่ต้นลม แก้ไขได้ทันท่วงที
1. ขอเลื่อนนัดกะทันหัน
เขาอาจจะอ้างว่าติดประชุม ท้องเสีย หรือว่าญาติมาหาที่บ้าน ยังไงก็แล้วแต่ ข้ออ้างนั่นไม่สำคัญ เพราะจะเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเองยังไงก็ได้ ประเด็นอยู่ที่ว่า ถ้าเป็นการนัดที่คุณสองคนเคยนัดกันประจำเช่น นัดกลับบ้านพร้อมกัน นัดทานข้าวกลางวันด้วยกัน แล้วล่ะก็ การที่เขามาเลื่อนนัดในระยะหลังแบบนี้ หากเกิดขึ้นซัก 3-4 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน อันนี้มีอะไรผิดปกติ Something Wrong แน่นอนครับ! เขาอาจจะกำลังเดทกับสาวอื่นอยู่แบบลับๆ พยายามสังเกตให้ดีครับ
2. กดตัดสายไม่ใช่กดตัดสายคุณนะครับ แต่เป็นกรณีจากที่เคยรับโทรศัพท์แล้วพูดคุยต่อหน้าคุณได้ทุกสาย มาระยะหลัง เวลาใครโทรเข้ามาขณะที่อยู่กับคุณ กลับมีการกดตัดสาย หรือไม่ยอมรับสาย หรือยิ่งกว่านั้นคือ ปิดมือถือโดยอ้างว่าแบตฯหมด อันนี้ก็ชัดเจนแล้วล่ะครับ เพราะผู้ชายที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จริงๆ สมัยนี้ เขาไม่รับสายแล้วเดินไปคุยไกลๆหรอกครับ มันน่าสงสัยเกินไป ไม่เนียนว่างั้นเหอะ
3. ไม่รับสายคุณอันนี้ก็เป็นทำนองตรงข้ามกับกับข้อ 2 คือถ้าหากเขากำลังอยู่กับกิ๊กล่ะก็ จะไม่ยอมรับสายคุณเช่นเดียวกัน แต่จะไม่กดตัดสาย ใช้วิธีการกด Mute ให้เสียงเรียกเข้าเงียบไปแทน หรือไม่ก็ปิดมือถือแล้วค่อยโทรกลับมาอธิบายทีหลังว่าแบตหมดฯ อันนี้เพื่อความยุติธรรมก็ต้องเปรียบเทียบดูด้วยว่า เชาเคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนอยู่แล้วหรือไม่ แล้วค่อยฟันธงครับ
4. หลีกเลี่ยงการสบตาอันนี้ถ้าคุณสังเกตดีๆ เขาไม่สามารถซ่อนอาการได้แน่ เพราะเขาเองจะไม่รู้ตัวเองเลย กับภาษาทางกายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ เวลานอนคุยกันเล่นๆ ลองแกล้งขึ้นไปคร่อมและสบตาเขา ถามไถ่เรื่องงานและเรื่องเพื่อนๆของเขา ถ้ามีอะไรปิดบังอยู่ เขาจะมองไปทางอื่นหรือก้มหน้าเวลาคุยกับคุณ และมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยอาจมีการถอนหายใจบ่อย รวมถึงพูดตัดบท หรือพูดน้อยลงกว่าปกติ
5. ใจลอย
เวลาอยู่กับคุณ จิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางครั้งอาจจะสะดุ้งถ้าแกล้งคุณเรียกขึ้นมาดังๆแบบกะทันหัน และหากคุณลองถามว่าเมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันค้างไว้ เขาก็จะนึกไม่ออกเลยทีเดียว!
ทั้งหมดนั่นเป็นสัญญาณหลักๆที่พอจะบอกได้ว่า ความรักของเขาที่มีต่อคุณเริ่มจืดจาง หรือที่แย่กว่านั้นคือ กลายเป็นด้านลบไปซะแล้ว ยังมีเหตุปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่างที่จะเป็นตัวตัดสินได้ว่า ลางสังหรณ์ของคุณถูกต้องหรือไม่…..อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณทราบค่อนข้างแน่ชัด ถึงความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คุณอาจจะเพิกเฉยหรือพยายามปรับปรุงตัวเอง หันหน้าเข้าพูดคุยเพื่อรักษาชีวิตคู่เอาไว้ ขึ้นอยู่กับทางเลือกของคุณเอง

ขอบคุณ naddate.com ค่ะ
ขอบคุณ  www.pooyingnaka.com